จอมทะลวงตาข่าย! “5 ซุปตาร์” ที่ยิงได้เกิน 500 ประตู แถมยังคงค้าเเข้งอยู่

หลุยส์ ซัวเรซ เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ในสัปดาห์นี้หลังจากทำประตูให้ แอตเลติโก มาดริด ในการเอาชนะ อลาเบส ไป 1-0 ซึ่งนับเป็นประตูที่ 500 ในอาชีพของเขาสำหรับทั้งสโมสรและทีมชาติ

จึงไม่น่าแปลกใจหากเราจะยกให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกในรอบทศวรรษที่ผ่านมา หลังฝากผลงานไว้ได้อย่างเยี่ยมยอดกับ อาแจ็กซ์, ลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลนา ก่อนที่จะย้ายไปยังเมืองหลวงของ สเปน เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว

ดาวเตะทีมชาติ อุรุกวัย กลายเป็นเพียงผู้เล่นคนที่ 5 ที่สามารถทำประตูได้ถึงครึ่งพันและยังคงลงเล่นอยู่จวบจนถึงทุกวันนี้ และนี่คือผู้เล่นทั้ง 5 คนที่ทำประตูได้ถึง 500 ลูก

1. คริสเตียโน โรนัลโด้

โรนัลโด้ เป็นผู้เล่นของอะแคเดมีที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนที่จะย้ายไป แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในช่วงวัยรุ่นพร้อมฝากผลงานที่น่าตราตรึงใจไว้ตลอด 6 ฤดูกาลที่นั่น

หลังจากคว้ารางวัล บัลลงดอร์ ได้สำเร็จเขาย้ายไป เรอัล มาดริด ด้วยดีลที่เป็นสถิติโลกและยังทำลายสถิติดาวซัลโวของสโมสรด้วยการ ทำไป 450 ประตูจากการลงเล่น 438 นัดตลอดระยะเวลา 9 ปี 4 ถ้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และรางวัลส่วนตัวอีกนับไม่ถ้วน

ผู้ชนะรางวัลดาวยิงของทวีป ยุโรป 4 สมัย เดินหน้าไปถล่มตาข่ายต่อที่ ยูเวนตุส โดยเตรียมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นดาวซัลโวของลีก อังกฤษ, สเปนและ อิตาลี

102 ประตูกับ โปรตุเกส ของเขาเป็นรองเพียง อาลี ดาอี เท่านั้น ซึ่งจนถึงปัจจุบันเขาทำไปแล้ว 760 ประตูและจะยังคงดำเนินต่อไปอีกอย่างแน่นอน

2. ลิโอเนล เมสซี

เมสซี ใช้ชีวิตตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขากับ บาร์เซโลนา และจนถึงปัจจุบันเขาทำประตูให้สโมสรไปแล้ว 663 ประตูในทุกรายการแข่งขันรวมถึงอีก 71 ประตูจาก 142 นัดให้ อาร์เจนตินา

เมสซี คว้าถ้วยรางวัล บัลลงดอร์ มาแล้ว 6 ครั้งและรองเท้าทองคำของ ยุโรป 6 สมัย รวมถึงการเป็นดาวซัลโวประจำ ลาลีก้า 7 สมัย ซึ่งมากกว่าใครๆโดยที่หนที่ 8 ก็เตรียมจ่ออยู่อย่างกระชั้นชิดหลังเขาสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจแม้จะมีข่าวลือต่างๆนาๆมากมายในฤดูกาลนี้

3. ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

ซูเปอร์สตาร์ที่อวดอ้างว่าตัวเองเป็นเสมือน เบนจามิน บัตตัน แห่งวงการฟุตบอลยังคงสร้างความอันตรายแก่แนวรับอยู่จวบจนถึงตอนนี้กับฤดูกาลที่เป็นเสมือนการฟื้นคืนชีพของยักษ์หลับอย่าง เอซี มิลาน แม้จะใกล้วันเกิดครบรอบ 40 ปีอยู่รอมร่อ

อิบราฮิโมวิช เริ่มต้นที่ มัลโม ทีมในลีกบ้านเกิดก่อนที่จะเริ่มต้นการเดินทางในสโมสรชั้นนำของ ยุโรปกับ อาแจ็กซ์, ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลนา, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกับ เอซี มิลาน 2 หน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาคว้าแชมป์ลีกไปถึง 11 สมัย, รางวัลดาวซัลโว 5 หนและการไปวาดลวดลายใน เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ กับ แอลเอ กาแล็กซี กับการทำไป 53 ประตูจากการลงเล่นเพียง 58 นัด

ผู้ชนะรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของ สวีเดน 12 ครั้ง ยังยิงประตูให้ทีมชาติได้ 62 ประตูและเตรียมฝากประตูไว้เพิ่มขึ้นอีกกับทัพ ไวกิ้ง หลังเพิ่งประกาศคัมแบ็คเมื่อไม่นานมานี้

รวมแล้ว อิบรา ฝากผลงานไว้ที่ 530 ประตู

4. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

เลวานดอฟสกี้ เพิ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ผู้เล่นที่ดีที่สุดของฟีฟ่า ประจำปี 2020 หลังจากช่วย บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ บุนเดสลีก้า, เดเอฟเบ-โพคาล และ แชมเปี้ยนส์ลีก

ในฤดูกาลนี้เขายิงไป 42 ประตูจากการลงสนาม 36 นัดในทุกรายการซึ่งเป็นแคมเปญที่ 6 ติดต่อกันที่เขาทำได้อย่างน้อย 40 ลูก

ตอนนี้ เลวานดอฟสกี้ เหลือเพียง 5 ประตูก็จะทำลายสถิติจำนวนประตูในลีกต่อฤดูกาล แกร์ด มุลเลอร์

นักเตะวัย 31 ปียังทำสถิติยิงได้ 63 ประตูจากการลงเล่น 116 นัดให้กับ โปแลนด์

5. หลุยส์ ซัวเรซ

ชื่อล่าสุดที่เพิ่งตบเท้าเข้ามาสู่ลิสต์นี้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซัวเรซ เริ่มอาชีพของเขากับ นาซิอองนาล ก่อนที่จะย้ายไป ยุโรป กับ โกรนิงเก้น และแจ้งเกิดได้เต็มที่กับ อาแจ็กซ์ ด้วยการซัดไป 111 ประตูจากการลงเล่นเพียง 159 นัดสำหรับ เอเรดิวิซี

ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับเขาในปี 2011 และในไม่ช้าเขาก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองเด้วยการผงาดคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในฤดูกาล 2013/14 พ่วงด้วยการเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA และนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของ FWA (สมาคมนักข่าว)

บาร์เซโลนา ยอมทุ่มเงินถึง 75 ล้านเพื่อแลกกับการได้เซ็นสัญญาของกองหน้าที่ในเวลาต่อมากลายเป็นดาวซัลโวตลอดกาลอันดับที่ 3 ของสโมสร

ซัวเรซ ยิง 198 ประตูในทุกการแข่งขันให้ บาร์เซโลนา และคว้าแชมป์ลีก 4 สมัยกับอีก 1 แชมเปี้ยนส์ลีก พ่วงด้วยรางวัลรองเท้าทองคำของ ยุโรป ใบที่ 2ในอาชีพของเขาในปี 2015/16

ปัจจุบันเขาเป็นรองเพียง เมสซี เท่านั้นในอันดับดาวซัลโวของลีกซีซั่นนี้กับ แอตเลติโก

ในระดับทีมชาติกับ อุรุกวัย ซัวเรซ เป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของ ‘จอมโหด’ ด้วยการยิงไป 63 ประตูและช่วยชาติคว้าแชมป์ โคปาอเมริกา ในปี 2011