ข่าวฟุตบอลข่าวยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดสอง) ลิเวอร์พูล – บาร์เซโลน่า

ufasexygame


“หงส์แดง” ลิเวอร์พูลนัดแรกพ่ายยับ 0-3 แถมเกมนี้ยังไร้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เจ็บหนักในเกมลีกล่าสุดสถานการณ์น่าเป็นห่วงเตรียมเปิดบ้านรับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า แชมป์ลีกเมืองกระทิงดุซีซั่นล่าสุดที่ยังคงจัดทัพเต็มอัตราศึกนำสอยตาข่ายโดย ลิโอเนล เมสซี่ ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดสอง) คืนวันอังคารที่ 7 พ.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : SuperSport 3, เวลา : 02.00 น.

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)
วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม 2562
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)   –   บาร์เซโลน่า (สเปน)
(ผลนัดแรก บาร์เซโลน่า ชนะ 3-0)
ถ่ายทอดสด
: SuperSport 3, เวลา : 02.00 น.

สนาม : แอนฟิลด์

เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ลิเวอร์พูล พาทีมบุกไปแพ้บาร์เซโลน่ามาก่อนในนัดแรก 0-3 ก่อนเบียดชนะนิวคาสเซิ่ล 3-2 ในเกมลีกล่าสุด กลับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกชั่วคราว

 

หงส์พึ่งปาฏิหาริย์!ลิเวอร์พูลไร้ 'ซาลาห์',บาร์เซโลน่ามี 'เมสซี่' นำโป้งศึก ชปล.

 

สภาพทีมเกมนี้ คล็อปป์จะไม่มีนาบี เกอิต้า และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน

สำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ได้รับบาดเจ็บกระทบกระเทือนที่ศีรษะ ซึ่งล่าสุด คล็อปป์ ออกมายืนยันแล้วว่าไม่พร้อมจะลงเล่นในเกมสำคัญนี้ นั่นหมายความว่าเกมรุกคงต้องปรับกันใหม่เยอะ

ส่วนโฌแอล มาติป ที่เป็นสำรองในเกมล่าสุด ก็น่าจะกลับมาจับคู่กับเฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ตามปกติ

 

หงส์พึ่งปาฏิหาริย์!ลิเวอร์พูลไร้ 'ซาลาห์',บาร์เซโลน่ามี 'เมสซี่' นำโป้งศึก ชปล.

 

สำหรับในรายของ ฟาน ไดค์ ข่าวล่าสุดยืนยัน ไม่ได้ลงซ้อมครั้งสุดท้ายกับเพื่อนร่วมทีมแต่ไม่มีการระบุสาเหตุที่แน่ชัดก็ถือเป็นข่าวที่สร้างความกังวลให้กับสาวก “เดอะ ค็อป” ไม่น้อย

คาดว่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กับ เซอร์ดาน ชากิรี่ จะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง โดยมี ดิว็อค โอริกี้ ฮีโร่จากเกมสยบนิวคาสเซิ่ลเป็นตัวสอดแทรกสำคัญ

ฟาก เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์บาร์เซโลน่า พาทีมถล่มลิเวอร์พูลตุนไว้ก่อน 3-0 ในนัดแรก ก่อนแพ้เซลต้า บีโก้ 0-2 ในเกมลีกล่าสุดเป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 5 เกม

อย่างไรก็ตามเจ้าบุญทุ่มกระชากแชมป์ลา ลีกา มาครองเรียบร้อยแล้ว จึงส่งสำรองเล่นทั้งหมด

 

หงส์พึ่งปาฏิหาริย์!ลิเวอร์พูลไร้ 'ซาลาห์',บาร์เซโลน่ามี 'เมสซี่' นำโป้งศึก ชปล.

 

สภาพทีมเกมนี้ บัลเบร์เด้ จะไม่มี อุสมาน เดมเบเล่ ที่มีอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ารบกวน ตามข่าวรายงานว่าต้องพัก 34- สัปดาห์ด้วยกัน แต่ไม่มีปัญหาอะไรนัก เพราะช่วงหลังเป็นตัวสำรองส่วนใหญ่

นอกจากนี้ก็จะได้ อิวาน ราคิติช และ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ พ้นโทษแบนในลีกกลับมาเสริม รวมไปถึงบรรดาแกนหลักที่ได้พักเก็บสดกันอย่างเต็มที่เกือบทั้งทีม

 

หงส์พึ่งปาฏิหาริย์!ลิเวอร์พูลไร้ 'ซาลาห์',บาร์เซโลน่ามี 'เมสซี่' นำโป้งศึก ชปล.

 

ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค-อังเดร แตร์ ชเตเก้น, เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องก์เล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา, ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ต่างพร้อมคัมแบ็กตามปกติ

เรียกว่าเปลี่ยนทั้ง 11 ผู้เล่นในเกมล่าสุดเลยทีเดียว โดย อาร์ตูโร่ วีดาล ที่ทำได้ดีในเกมแรกก็จะได้ออกสตาร์ตเช่นกัน

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม – แดเนียล สเตอร์ริดจ์, ซาดิโอ มาเน่, เซอร์ดาน ชากิรี่
เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์

 บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค-อังเดร แตร์ ชเตเก้น – เซร์จี้ โรเบร์โต้, เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องก์เล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา – อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อาร์ตูโร่ วีดาล – ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
เทรนเนอร์ : เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้

ผู้ตัดสิน : คูเน็ย์ต ชาคีร์ (ตุรกี)

เกร็ดเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– ลิเวอร์พูลไม่เคยแพ้คาบ้านในเกมตัดเชือกยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยชนะถึง 8 จาก 10 นัด (เสมอ 2) เสียเพียง 4 ประตู โดย 2 ในนั้นมาจากแมตช์เจอโรม่าเมื่อซีซั่นที่แล้ว
– หงส์แดงยังชนะได้ 7 จาก 8 เกมน็อกเอาต์ (เฮ 6 นัดรวด) ที่ลงเล่นเลกสองชปล. ในบ้าน
– อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลชนะเพียง 5 จาก 17 เกมที่รับมือคู่แข่งสเปน (เสมอ 7 แพ้ 5) กระนั้นเฉพาะ 5 นัดหลังพวกเขามีชัยไป 3
– ลิเวอร์พูลปราชัยไปถึง 6 จากเกมยุโรป 13 นัดล่าสุด โดยทุกเกมนั้นเกิดขึ้นนอกบ้าน
– ลิเวอร์พูลพลิกเข้ารอบได้ 13 จาก 27 เกมยุโรปที่แพ้เลกแรก แต่ก็ร่วงทั้ง 2 หนที่แพ้มาก่อน 0-3 นั่นคือแมตช์เจอเปแอสเช ในรอบรองชนะเลิศ คัพ วินเนอร์ส คัพ 1996-97 และสตราส์บูร์ก ในยูฟ่า คัพ รอบ 2 ซีซั่นถัดมา
– ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ถูกหยุดสถิติไร้พ่ายทุกรายการที่ 19 เกม รวมถึงชนะ 10 นัดรวด หลังออกไปแพ้บาร์ซ่า 0-3
– ลิเวอร์พูลแพ้ในแอนฟิลด์เพียงหนเดียวตลอดซีซั่น (เชลซี 1-2 ในลีก คัพ) โดยชนะมา 6 เกมรวด
– ซาดิโอ มาเน่ กำลังโชว์ฟอร์มเข้าฝักกดไป 11 จาก 14 นัดหลัง
– แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ดูโอฟูลแบ็กหงส์ต่างทำแอสซิสต์ไปแล้ว 11 ครั้งในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ทาบสถิติสูงสุดของ แอนดี้ ฮินช์คลิฟฟ์ (1994-95) และ เลห์ตัน เบนส์ (2010-11)
– บาร์เซโลน่ามีสถิติน่าหวาดเสียว แพ้เกมตัดเชือกนอกบ้านทั้ง 3 ครั้งล่าสุด และรวมแล้วชนะนัดเยือนเพียง 2 ในการแข่งขันรอบนี้ (เสมอ 2 แพ้ 10)
– บาร์ซ่ายังปราชัยไปถึง 8 จาก 12 เกมน็อกเอาต์ที่ไปเยือนเลกสอง รวมถึง 3 จาก 4 หนล่าสุด กลับกันเมื่อเล่นเลกสองในรัง ชนะถึง 24 แพ้แค่ 6
– อย่างไรก็ดี ทีมเลือดหมู-น้ำเงินได้ชัยไป 5 จาก 7 หนล่าสุดที่บุกแดนผู้ดี (เสมอ 1 แพ้ 1) นับรวมทั้ง 2 หนฤดูกาลนี้ที่บุกถิ่นสเปอร์ส (4-2) และแมนฯ ยูไนเต็ด (1-0)
– บาร์ซ่าคือทีมแชมป์ลีกหนึ่งเดียวที่ยังหลงเหลือในชปล.ซีซั่นนี้ อีกทั้งยังเป็นทีมทีมเดียวที่ไร้พ่าย (ชนะ 8 เสมอ 3)
– บาร์เซโลน่าเข้ารอบได้ 38 จาก 42 เกมยุโรปที่ชนะเลกแรกในบ้าน กระนั้นหนล่าสุดพวกเขาแพ้โรม่าด้วยกฎประตูทีมเยือนในรอบ 8 ทีมปีก่อน (4-1 เหย้า, 0-3 เยือน)
– บาร์ซ่าเสียสถิติไร้พ่าย 23 เกมทุกรายการ (ชนะ 17 เสมอ 6) หลังขนตัวสำรองไปโดนเซลต้าเผาเครื่อง 2-0 ในลา ลีกา เมื่อวันเสาร์
– ทัพอาซูลกราน่าเก็บคลีนชีตได้ 13 จาก 20 เกมทุกรายการที่ผ่านมา
– หลุยส์ ซัวเรซ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 2 ตัวรุกบาร์ซ่าจะได้เยือนแอนฟิลด์ถิ่นเก่า พร้อมคาดหวังได้ว่าจะเจอเสียงโห่ต้อนรับ โดยเฉพาะรายแรกที่ฉลองประตูสุดเหวี่ยงหลังยิงได้ที่คัมป์ นู
– ลิโอเนล เมสซี่ ที่ได้พักเมื่อสุดสัปดาห์ ครองดาวยิงสูงสุดลา ลีกา 34 ประตู ยิงไป 31 จาก 28 นัดล่าสุด และเพิ่งกดครบ 600 ให้บาร์ซ่าหลังเบิ้ลตาข่ายลิเวอร์พูล

 

มุมแสดงทรรศนะ