ผู้พลิกหน้าประวัติศาสตร์! ลิโอเนล เมสซี่ กับการพา อินเตอร์ ไมอามี่ สู่แชมป์แรกสุดในประวัติศาสตร์สโมสร
เพราะเพชร อยู่ที่ไหนก็เป็นเพชรอยู่วันยังค่ำ การย้ายสู่ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา ของหลายๆ นักเตะชื่อดังในหลายปีที่ผ่านมา อาจได้ผลแตกต่างกันไปทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว แต่ไม่ใช่กับ ลิโอเนล เมสซี่ ที่เมื่อโยกจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เข้าไปปุ๊บก็นำแชมป์มาให้ อินเตอร์ ไมอามี่ ได้ปั๊บ
และนี่คือบทบันทึกถึงความยิ่งใหญ่ที่ เมสซี่ ยังนำมาเสิร์ฟให้แฟนๆ ได้ปลาบปลื้มอยู่ในวัย 36 ปี…
อินเตอร์ ไมอามี่ ก่อน เมสซี่ จะมา
ก็อย่างที่เคยร่ายไว้แบบยาวๆ ว่า อินเตอร์ ไมอามี่ มัวแต่เสียเวลากับ ฟิล เนวิลล์ อย่างไม่เข้าท่า จนกลายเป็นตลกร้ายของทั้ง เคราร์โด้ มาร์ติโน่ & จอร์ดี้ อัลบา & เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ & ลิโอเนล เมสซี่ ว่าจู่ๆ ก็ได้มายังทีมที่เป็น “บ๊วย” ของ MLS เสียเฉยๆ
ซีซั่น 2023 นี้ที่ดำเนินมาแล้วเกินครึ่งทาง อันที่จริง “เดอะ แบล็คพิงค์” (ที่โรมรัน MLS เป็นปีที่ 4) ก็เริ่มต้นได้สวยเลย ชนะ ซีเอฟ มอนทรีอัล 2-0 ต่อด้วยชนะ ฟิลาเดลเฟีย ยูเนียน 2-0 แต่หลังจากนั้นกลับแพ้รวด 6 นัดติดต่อกัน เช่นเดียวกับในช่วงหลังที่แพ้ในลีกถึง 8 เกมและเสมอ 3 นัด หรือก็คือชนะใครไม่เป็นมา 11 นัดติดแล้วนั่นเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ อินเตอร์ ไมอามี่ หลุดลงมารั้งบ๊วยของโซนตะวันออก MLS Eastern Conference (เช่นเดียวกับเป็นบ๊วยในตารางรวม Overall table) เพียงแต่เห็นแบบนี้ เสี่ยเบ็คส์และพรรคพวก ก็เพิ่งจะสั่งเด้งกุนซือเพื่อนสนิทอย่าง ฟิล เนวิลล์ พ้นเก้าอี้ไปได้เมื่อ 1 มิ.ย. เท่านั้น (หนึ่งในเหตุผลคงเพราะ MLS ไม่มีระบบคัดทีมตกชั้น ต่อให้จะเข้าป้ายเป็นบ๊วย ก็ยังได้ไปต่อตามปกติในซีซั่นหน้า)
ไม่ต้องสงสัย การมาของทั้ง เมสซี่ และบรรดาซูเปอร์สตาร์รายต่างๆ เป็นไปเพื่อการ “แก้ตัว” หวังจะกลบสิ่งที่ทำผิดทำพลาดมาในตลอดซีซั่น และหวังจะสร้างผลงานให้ได้ดีที่สุดกับ 12 เกมสุดท้ายที่ยังเหลือของปีนี้
แต่นอกจากบอลลีก อินเตอร์ ไมอามี่ ก็ยังมีภารกิจลุยเกมบอลถ้วยอย่าง ลีกส์ คัพ (Leagues Cup) รายการใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นแข่งขันกันมาเป็นปีที่ 3 อันเป็นการจับมือกันจัดบอลถ้วยประจำปีระหว่างทีม MLS สหรัฐฯ กับ Liga MX เม็กซิโก สองชาติเท่านั้น
ซึ่งแม้แต่ เบ็คแฮม หรือแฟนบอลทีมชมพูดำเองก็คงไม่ได้คาดคิดไว้ ว่า เมสซี่ จะนำ “แชมป์แรก” มาให้พวกเขาได้เร็วขนาดนี้
สู่แชมป์ ลีกส์ คัพ
ลีกส์ คัพ 2023 มีทีมเข้าร่วมมากถึง 47 ราย (29 สหรัฐฯ 18 เม็กซิโก) แบ่งออกเป็น 15 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม คัดเอา 2 อันดับแรกเข้ารอบน็อกเอาต์ 32 ทีม (แอลเอ เอฟซี กับ ปาชูก้า ได้บายเข้ารอบ 32 ทีม) จากนั้นก็คัดออกคัดเข้ากันไปตามสเต็ปฟุตบอลน็อกเอาต์สากล
ทีมแชมป์ นอกจากจะได้เงินรางวัลก้อนย่อมๆ แล้ว ก็จะได้ตีตั๋วเข้าเล่นศึกชิงแชมป์สโมสรคอนคาเคฟ CONCACAF Champions Cup ปีถัดไป โดยได้ไปทั้งแชมป์, รองแชมป์ และอันดับ 3
ในส่วนของ อินเตอร์ ไมอามี่ อยู่ร่วมกลุ่มกับ ครูซ อาซุล จากเม็กซิโก และ แอตแลนต้า ยูไนเต็ด ซึ่งเล่นในระบบเจอกันนัดเดียว ไม่มีเหย้าเยือน
ก็จัดให้ตั้งแต่การลงประเดิมสนามแมตช์แรกในฐานะตัวสำรอง ที่ เมสซี่ ลงไปแทน เบนจามิน เครมาสชี่ ในนาที 54 แล้ว ก็สังหารฟรีคิกเสียบตาข่ายอย่างงาม เป็นประตูชัยเหนือ ครูซ อาซุล 2-1 ช่วงทดเจ็บ 90+4
สี่วันให้หลัง เมสซี่ ถูกส่งลงตัวจริงหนแรกพบ แอตแลนต้า ยูไนเต็ด ในตำแหน่งปีกขวา โดยมี โจเซฟ มาร์ติเนซ ยืนหอกเป้า และ โรเบิร์ต เทย์เลอร์ (ตัวทีมชาตฟินแลนด์) อยู่ทางซ้าย
ก็จัดให้แจ่มๆ อีกเช่นเดิม เมสซี่ เช็คบิล 2 ประตูตั้งแต่เนิ่นๆ น.8 กับ 22 ก่อนที่ เทย์เลอร์ จะยิงสองเม็ดเช่นกันตอนท้ายครึ่งแรกและต้นครึ่งหลัง ปิดเกมที่ชัยชนะสวยหรู 4-0 และเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม
รอบน็อกเอาต์ เริ่มที่ 32 ทีม (ในระบบเตะนัดเดียว ไม่เหย้าเยือน) อินเตอร์ ไมอามี่ เปิดบ้านชน ออร์แลนโด้ ซิตี้ ที่ก็ยังคงเป็น เมสซี่ สวมบทดาวเด่นประจำเกม กด 2 เม็ดในนาทีที่ 7 กับ 72 ส่วนอีกลูก โจเซฟ มาร์ติเนซ กดจุดโทษไม่พลาด ในชัยชนะ 3-1 — เมสซี่ มีโอกาสทำแฮตทริกด้วย แต่เขาหยิบยื่นโอกาสสังหารจุดโทษนั้นให้กับหอกเป้าอย่าง มาร์ติเนซ เพื่อเรียกความมั่นใจ
ต่อมาที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เกมเป็นไปอย่างดุเดือดด้วยผลเสมอ 4-4 ระหว่าง เอฟซี ดัลลัส กับ อินเตอร์ ไมอามี่ โดยที่ เมสซี่ ยิงเม็ดที่ 2 ของตัวเองช่วยให้จบที่ผลเสมอ 4-4 นั่น หลังจาก ดัลลัส ฉีกหนี 4-2 ในระหว่างเกม ก่อนที่เมื่อต้องตัดสินด้วยจุดโทษ เมสซี่ และเพื่อนๆ ไม่มีใครยิงพลาด ขณะที่ ดัลลัส พลาดไป 1 จึงเท่ากับ อินเตอร์ ไมอามี่ ได้ไปต่อด้วยชัยชนะ 5-3
มาถึง 8 ทีมสุดท้าย ปรากฏว่าง่ายเกินคาด อินเตอร์ ไมอามี่ ผ่าน ชาร์ล็อตต์ เอฟซี 4-0 เมสซี่ ยิงปิดกล่องก่อนจบเกม 4 นาที
เช่นเดียวกับตัดเชือก อินเตอร์ ไมอามี่ ก็ยังร้อนแรง ไล่ถล่ม ฟิลาเดลเฟีย ยูเนี่ยน 4-1 เมสซี่ กดหนึ่งเม็ด และมี จอร์ดี้ อัลบา ยิงเม็ดแรกในชีวิตที่แดนลุงแซม ได้ด้วย
สำหรับนัดชิงชนะเลิศเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (19 ส.ค.) ที่ จอร์ดิส พาร์ค (แนชวิลล์, เทนเนสซี่) อินเตอร์ ไมอามี่ ไปลงชิงถ้วยกับเจ้าถิ่น แนชวิลล์ เอสซี ซึ่ง เคราร์โด้ มาร์ติโน่ สามารถใช้ทีมชุดฟูลออปชั่นลงสนามได้ตามปกติ นำโดย เมสซี่, บุสเก็ตส์, อัลบา และ 11 ตัวจริงหน้าเดิมๆ
นัดชิงแล้วจะกั๊กทำไม… นาที 23 เมสซี่ เก็บตกลูกหน้าเขตโทษแล้วกระชากหนีตัวบล็อกไปซัดเปรี้ยงด้วยซ้ายจมตาข่าย เรียกเสียงเฮสนั่นหวั่นไหว เป็นประตูนำ 1-0 ของ อินเตอร์ ไมอามี่
โชคไม่ดีนักที่หลังจากนั้น 2-0 ไม่มา กลายเป็น 1-1 ที่มาแทนตอนกลางครึ่งหลัง (ที่จริง แนชวิลล์ ก็มีโอกาสแซง 2-1 อยู่หลายหนด้วย) และลากให้เกมต้องไปตัดสินที่การดวลจุดโทษ
เมสซี่ สังหารจุดโทษมือแรกเข้าไปด้วยความมั่นใจ เท่ากับหลายวินาทีถัดจากนี้ เป็นหน้าที่ของเพื่อนๆ และน้องๆ อินเตอร์ ไมอามี่ เท่านั้น
โชคดีเป็นของพวกเขา ที่แม้ วิกเตอร์ อูยัว จะพลาด แต่ แนชวิลล์ ก็พลาดมากกว่าที่ 2 คน โดยเฉพาะ, หลังจากเสมอ 9-9, เมื่อลากยาวกันถึงการยิงของผู้รักษาประตู และ เดร็ค คอลเลนเดอร์ จอมหนึบชุดดำของ อินเตอร์ ไมอามี่ กดเข้าเสยเพดานตาข่าย ก่อนจะลุกขึ้นมาปัดป้องลูกยิงของ เอลเลียต แพนิคโก้ นายประตูแนชวิลล์ พ้นไปได้อย่างยอดเยี่ยม
อินเตอร์ ไมอามี่ ชนะดวลเป้ามาราธอน 10-9 ครองแชมป์ ลีกส์ คัพ 2023 ที่นับเป็นแชมป์รายการแรกของพวกเขา หลังเข้าร่วมเล่น MLS ได้แค่ 4 ปี
การเป็นแชมป์ อาจต้องยกเครดิตให้นักเตะทั้งทีม และกุนซืออย่าง ตาต้า มาร์ติโน่
แต่แน่นอนที่สุดว่า แชมป์จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มี ลิโอเนล เมสซี่
…ที่กระหน่ำไป 10 ประตูจากการลงเล่น 7 นัด!
ประสบความสำเร็จมากสุดในโลก
นอกจากความน่ารักของ เมสซี่ ที่ส่งมอบปลอกแขนกัปตันคืนให้คนเก่า ดีอันเดร เยดลิน เซนเตอร์แบ็กวัย 30 (สเปอร์ส, นิวคาสเซิ่ล, กาลาตาซาราย) เพื่อมายกถ้วยแชมป์ ลีกส์ คัพ ขึ้นฉลองพร้อมกันแล้ว ยังมีการเปิดเผยว่า แชมป์ถ้วยนี้ทำให้ เมสซี่ กลายเป็น “เบอร์ 1 โลก” ในแง่ของจำนวนแชมป์ที่คว้ามาครองได้ในการเป็นนักเตะอาชีพ
นี่คือแชมป์ที่ 44 เข้าไปแล้วของยอดแข้งวัย 36
35 แชมป์ กับ บาร์เซโลน่า : ลา ลีกา 10 สมัย, โกปา เดล เรย์ 7 สมัย, ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า 8 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 3 สมัย
5 แชมป์ กับ อาร์เจนติน่า : เยาวชนโลก ยู-20 1 สมัย, โอลิมปิก 1 สมัย, ฟุตบอลโลก 1 สมัย, โคปา อเมริกา 1 สมัย, ไฟนัลลิสซิม่า 1 สมัย
3 แชมป์ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง : ลีก เอิง 2 สมัย, โทรฟี่ เดส์ ชองปิยงส์ 1 สมัย
1 แชมป์ กับ อินเตอร์ ไมอามี่ : ลีกส์ คัพ 2023
อย่างไรก็ตาม เกิดการ “เสียงแตก” ขึ้นในหน้าสื่อ ว่าที่จริงแล้ว แชมป์ของ เมสซี่ มันควรนับเป็น 44 หรือ 43 รายการกันแน่ และระหว่าง เมสซี่ กับตำนานแซมบ้าอย่าง ดานี่ อัลเวส ใครกันแน่ที่เป็นเบอร์ 1 ในเรื่องนี้
ในราย เมสซี่ มีข้อหักล้างคือ แชมป์ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า ปี 2005 “ไม่ควรถูกนับรวมเข้าไปด้วย” และลดจำนวนเหลือ 43 แชมป์ เนื่องจากในชัยชนะของ บาร์ซ่า เหนือ เรอัล เบติส สกอร์รวม 4-2 ครั้งนั้น เมสซี่ ไม่ได้มีส่วนร่วมแม้กระทั่งมีชื่อเป็นสำรอง แม้จะขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ของ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด เต็มตัวในระหว่างซีซั่น 2005/06 ก็ตาม
เช่นกัน ดานี่ อัลเวส ก็เป็นในลักษณะเดียวกัน เมื่อแชมป์ โทรฟี่ เดส์ ชองปิยงส์ 2018 “ไม่ควรถูกนับรวมเข้าไปด้วย” และลดจำนวนเหลือ 43 แชมป์ จากการที่ อัลเวส บาดเจ็บจนไม่ได้เล่นเกมของปีนั้นซึ่ง เปแอสเช ถล่ม โมนาโก 4-0
แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ว่าจะ 43 หรือ 44 จะ เมสซี่ หรือ อัลเวส ก็คงไม่ใช่สาระสำคัญ
ยกให้ทั้งคู่ “ขึ้นหิ้ง” ไปพร้อมๆ กันนั่นแหละ ดีที่สุด
ถัดจากนี้ของ อินเตอร์ ไมอามี่
แชมป์แรกมาแล้ว และแชมป์ที่ 2 ก็อาจคอยท่าอยู่ไม่ไกล กับรายการ “ยู.เอส. โอเพ่น คัพ” บอลน็อกเอาต์เก่าแก่ในประเทศ ลักษณะเดียวกับ เอฟเอ คัพ ซึ่ง อินเตอร์ ไมอามี่ กรุยทางเข้าถึงรอบตัดเชือกแล้ว มีคิวพบ เอฟซี ซินซินเนติ 23 ส.ค. หรือเช้าพฤหัสบดีนี้
หากผ่าน ซินซินเนติ ไปได้ ก็จะเข้าชิงถ้วยกับผู้ชนะของคู่ ฮูสตัน ไดนาโม v รีล ซอลท์ เลค (แต่ว่านัดชิงจะเล่นกันช่วงปลายเดือน ก.ย. โน่น)
กลางสัปดาห์นี้เตะบอลถ้วย ส่วนสุดสัปดาห์ ก็จะกลับเข้าสู่วงจร MLS เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ อีกครั้ง ภายหลังเว้นวรรคให้ ลีกส์ คัพ (และการต้อนรับทีมจากยุโรปมาทัวร์ปรีซีซั่น) มาเกิน 1 เดือน โดย อินเตอร์ ไมอามี่ จะออกไปเยือน นิวยอร์ค เร้ดบูลล์ส เช้าวันอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่แรกว่า อินเตอร์ ไมอามี่ กำลังจมบ๊วยจากวิบากกรรมยุคก่อนมี เมสซี่ ซึ่งด้วยช่องห่างจากทีมโซนบนค่อนข้างเยอะเกินกว่าสิบแต้มไปจนถึง 20 แต้ม ก็ทำให้ความเป็นไปได้ในการเด้งตัวสู่รอบเพลย์ออฟชิงแชมป์ หรือ MLS Cup 2023 แทบไม่เหลือแล้ว
อย่างไรก็ตามซ้อนอย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นบ๊วย แต่ อินเตอร์ ไมอามี่ ก็สามารถลงเตะแบบ “ไร้ความกดดัน” ได้ในแต่ละเกม เมื่อ MLS ไม่มีการคัดทิ้งทีมตกชั้นใดทั้งสิ้น อย่างที่ทราบ
ดีไม่ดีถ้าเข้าฝักเข้าฟอร์มต่อเนื่อง ชนะไปเกมต่อเกมในสิบกว่านัดที่ยังเหลือ MLS Cup ที่ว่าเป็นไปไม่ได้นั่น… เมสซี่ อาจบอก “เดี๋ยวพี่จัดให้!”
มุมแสดงทรรศนะ