หรือที่ผ่านคืออุบัติเหตุ! เปิดเหตุผล เลสเตอร์ ซิตี้ ร้อนแรงเกินห้ามใจ มีแววลุ้นคืน พรีเมียร์ลีก อย่างรวดเร็วในปีเดียว
ชัดเจนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในซีซั่น 2022/23 ที่ผ่านมา คือ “ฝันร้าย” ที่เกิดขึ้นกับ เลสเตอร์ ซิตี้ อย่างช็อควงการ น้องๆ ตอนที่พวกเขาผงาดครองแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อไม่กี่ปีก่อน
แต่การเริ่มต้นใหม่ รีเซ็ตตัวเองใหม่ตั้งแต่หัวจดเท้า สำหรับการลุยศึก อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นนี้ ก็ดูเหมือนว่า เลสเตอร์ กำลัง “ไปถูกทาง” ชัดเจน
เริ่มต้นด้วยการชนะถึง 4 เกมซ้อน 2-1 โคเวนทรี ซิตี้, 1-0 ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์, 2-1 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และ 2-1 ร็อตเตอร์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนสะดุดเล็กๆ แพ้ ฮัลล์ ซิตี้ 0-1 แต่ก็แก้ตัวได้ด้วยเกมล่าสุด ที่บุกยิง เซาแธมป์ตัน ถึง เซนต์ แมรี่ส์ 4-1 เมื่อคืนศุกร์ 15 ก.ย.
6 นัดชนะ 5 แพ้ 1 เลสเตอร์ จึงยืนเด่นที่ “รองจ่าฝูง” ตามหลัง เปรสตัน นอร์ธเอนด์ แค่แต้มเดียวถ้วน
ยังมี คาราบาว คัพ ที่ก็ไปต่อได้อย่างสบาย ชนะ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน กับ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 โดยเตรียมบุก แอนฟิลด์ ของ ลิเวอร์พูล ในรอบ 3 ปลายเดือนนี้
อะไรทำให้ เลสเตอร์ วิ่งฉิวได้ขนาดนี้ ขยุ้มอักษรด้านล่างนี้คงเป็นคำตอบ…
กุนซือดี
แน่นอนว่า เลสเตอร์ เลือก “ทางเสี่ยง” อย่างเห็นได้ชัดกับการคว้า เอ็นโซ มาเรสก้า มานั่งเก้าอี้กุนซือใหม่ ภายหลังเลือกจะไม่ไปต่อกับ ดีน สมิธ อดีตนายใหญ่ แอสตัน วิลล่า ที่เข้ามาทำทีมเก็บ 9 คะแนนในช่วงโค้งท้ายซีซั่นก่อน
เพราะแม้ในช่วงค้าแข้งจะพอมีชื่อจากช่วงที่เล่นให้ ยูเวนตุส, ฟิออเรนติน่า, เซบีย่า หรือ ปาแลร์โม่ (ส่วนทีมชาติอิตาลี ติดแต่ชุดเล็ก ไม่เคยเล่นชุดใหญ่) แต่เมื่อผันตัวมาเป็นโค้ชแล้ว ก็ควรนับว่า CV ของเขายัง “ค่อนข้างน้อย” และอันที่จริงก็ไม่ได้อยู่ในสายงานนี้ยาวนานนักด้วย หลังแขวนสตั๊ดกับ เฮลลัส เวโรน่า เมื่อปี 2017
- 2017 ผู้ช่วยกุนซือ อัสโคลี่
2017 ผูู้ช่วยกุนซือ เซบีย่า
2018 ผู้ช่วยกุนซือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
2020 อะคาเดมี่ แมนฯ ซิตี้ (Elite Development Squad team)
2021 ปาร์ม่า
2022 ผู้ช่วยกุนซือ แมนฯ ซิตี้
แต่จนถึงตอนนี้ที่ อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ 2023/24 ผ่านไปแล้ว 6 นัด ก็เริ่มชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ว่านี่คือ “ตัวเลือกที่ถูกต้อง” เป๊ะปังอลังเว่อร์ของ คิง เพาเวอร์ เมื่อ มาเรสก้า พาทีมชนะแล้ว 5 พลาดท่าไปแค่เกมเดียว
แม้หนทางการโรมรันยังอีกยาวไกลถึงไกลมาก
แต่ก็เริ่มฉายแววให้เห็นเบื้องต้นแล้วว่า โค้ชอิตาเลียนวัย 43 ผู้ซึ่งเป็นศิษย์โดยตรงอีกคนของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กำลังอยู่บนเส้นทางเปื้อนรอยยิ้ม มีลุ้นจะทำให้ทีมของตัวเองไปโลดได้ไม่แพ้ มิเกล อาร์เตต้า ที่ อาร์เซน่อล หรือ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่ เบิร์นลี่ย์
เสริมทัพใช้ได้
เป็นเรื่องเข้าใจได้อยู่แล้วกับการต้อง “รัดเข็มขัด” ภายหลังตกชั้นลงมา ที่หมายถึงรายได้จะหดหายไปอย่างมหาศาลจากการไม่ได้อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ทีมยักษ์ใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก
แต่ก็ควรต้องถือว่าทั้ง คิง เพาเวอร์ และ มาเรสก้า ทำได้ดีเลยกับการคัดสรรนักเตะใหม่เข้าสู่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ทั้งการซื้อขาดและเซ็นยืมตัวเข้ามาชั่วคราว
อาจโชคไม่ดีหน่อยที่ คอเนอร์ โคอาดี้ เซนเตอร์แบ็กดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่จ่าย 8.5 ล้านปอนด์ดึงมาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส บาดเจ็บกระดูกเท้าแตกตั้งแต่ปรีซีซั่น จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ประเดิมสนาม แต่กับ แฮร์รี่ วิงค์ส (10 ล้านปอนด์จาก สเปอร์ส) และ สเตฟี่ มาวิดิดี้ (7 ล้านปอนด์จาก มงต์เปลลิเยร์) “จัดว่าแจ่ม” เลยทีเดียว เมื่อทั้งสองสามารถแทรกเข้าสู่ 11 ตัวจริงได้ทันที และมีผลงานน่าพอใจทันทีด้วยเช่นกัน
วิงค์ส อดีตตัวหลักของ สเปอร์ส ลงสนามครบถ้วน 6 นัดของ ชปช. ซีซั่นนี้ รวมถึงอีก 2 เกมของ คาราบาว คัพ
มาวิดิดี้ กองหน้าชาวอังกฤษวัย 25 ที่ไปเล่นต่างแดนอยู่นานนับตั้งแต่อำลา อาร์เซน่อล ไปในปี 2018 ก็ลงให้ เลสเตอร์ แล้ว 7 นัด มีผลงานซัดไป 2 ประตู
หรือนายประตูคนใหม่ แมดส์ เฮอร์มานเซ่น ดาวรุ่งวัย 23 หน้าใหม่ทีมชาติเดนมาร์กจาก บรอนด์บี้ ก็เข้ามาเพิ่มความแน่นอนขึ้นเยอะที่หว่างเสา ไม่ต้องทนเสียววาบๆ กับ แดนนี่ วอร์ด อีกต่อไป โดยจาก 5 เกมที่ประตูเดนส์ลงสนาม เลสเตอร์ ชนะได้ถึง 4 (แม้จะไม่มีคลีนชีตเลยก็ตาม)
เช่นกัน บรรดาตัวยืมก็ถือว่า “ใช้ได้เลย” ทั้ง คัลลั่ม ดอยล์ เซนเตอร์แบ็กดาวรุ่งจาก แมนฯ ซิตี้, เซซาเร่ คาซาเดอี มิดฟิลด์ที่แฟน เชลซี บางส่วนแอบเสียดายว่าน่าเก็บไว้ใช้เองมากกว่า และ ยูนุส อัคกุน ปีกวัย 23 จาก กาลาตาซาราย
การที่ตัวใหม่เข้ามาสร้างผลงานได้ทันที ทำให้สามารถทดแทนการสูญเสียนักเตะเก่าที่ย้ายออกหลังตกชั้น ได้เป็นอย่างดี–อย่างน้อยก็ในระยะสั้น ช่วงเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา
ยังไม่ถึงกับต้องผ่าตัดใหญ่
โดยปริมาณ ถือว่า เลสเตอร์ เสียนักเตะไปไม่น้อยเลยในตลาดซัมเมอร์ 2023
- เจมส์ แมดดิสัน – สเปอร์ส
ดาเนียล อมาร์ตีย์ – เบซิคตัส
ไรอัน เบอร์ทรานด์ – ปล่อยตัว
จอนนี่ อีแวนส์ – แมนฯ ยูไนเต็ด
นัมปาลิส เมนดี้ – ล็องส์
อโยเซ่ เปเรซ – เรอัล เบติส
ชากลาร์ โชยุนซู – แอตเลติโก มาดริด
ธนวัฒน์ ซึ้งจิตต์ถาวร – ปล่อยตัว
ยูรี่ ตีเลมันส์ – แอสตัน วิลล่า
ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ – นิวคาสเซิ่ล
ทิโมธี คาสตันเย่ – ฟูแล่ม
วิกเตอร์ คริสเตียนเซ่น – โบโลญญ่า (ยืมใช้)
ลุค โธมัส – เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (ยืมใช้)
บูบาการี่ ซูมาเร่ – เซบีย่า (ยืมใช้)
เสียเยอะก็จริง แต่ก็ “ไม่ถึงกับต้องผ่าตัดใหญ่” เมื่ออย่างน้อยยังคงเหลือแกนหลักหน้าเก่าๆ ตัวประสบการณ์สูง อยู่เป็นตัวเลือกของ มาเรสก้า ในซีซั่นนี้
เจมี่ วาร์ดี้, แพ็ทสัน ดาก้า, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่, วิลเฟรด เอ็นดิดี้, เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์, มาร์ก อัลไบรท์ตัน, ริคาร์โด้ เปเรยร่า, เวาท์ ฟาเอส, เจมส์ จัสติน อยู่ครบ
ยังต้องเพิ่มเติมด้วย ยานนิค เวสเตอร์การ์ด เซนเตอร์แบ็กก้านยาว ตัวมีดีกรีทีมชาติเดนมาร์ก ซึ่งเคลียร์ปัญหาความสัมพันธ์กับสโมสรเรียบร้อย ได้กลับมาเป็นคีย์แมนเกมรับอีกครั้ง จนการขาดหายของ โคอาดี้ ไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด
อีกหนึ่งคนสำคัญที่ก็ยังพร้อมสร้างผลงานอยู่ร่ำไป นั่นก็คือ เจมี่ วาร์ดี้ ที่แม้จะเกิดความไม่แน่ใจต่ออนาคตตัวเองหลังจบซีซั่นก่อน แต่ที่สุดแล้วก็เลือกปักหลักกับทีมต่อมา และก็จัดให้แล้ว 2 ประตูในซีซั่นนี้ (1 ชปช., 1 บาวคัพ)
แม้ด้วยวัย 36 ในระยะยาว วาร์ดี้ อาจไม่พร้อมลงสนามครบทุกนัด แต่ด้วยคุณภาพฝีเท้าของเจ้าตัว แน่นอนว่ายังคงสามารถทำอันตรายทุกคู่แข่งในลีกรองได้เมื่อพร้อมเล่น และจะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของการชิงตั๋วเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก แน่นอน
เด็กปั้นแจ๋ว
นอกจาก วาร์ดี้, แฮร์รี่ วิงค์ส, เวสเตอร์การ์ด หรือ คาซาเดอี ที่ทำได้ดีเลยกับช่วงต้นซีซั่นนี้ ยังต้องจิ้มไปที่ชื่อเซอร์ไพรส์อย่าง “เคซี่ย์ แม็คเคเทียร์” (Kasey McAteer)
อาจไม่ใช่ใครที่ เลสเตอร์ ไม่คุ้นหู เมื่อข้อเท็จจริงคือปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษได้โอกาสลงน้ำกับทีมชุดใหญ่มาตั้งแต่ 2021/22 แล้ว ที่ซีซั่นนั้น (ยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส) ได้ลงสำรองท้ายเกม 2 นัด กับ นิวคาสเซิ่ล ในพรีเมียร์ลีก และกับ วัตฟอร์ด ใน เอฟเอ คัพ
จากนั้นซีซั่นก่อนถูกส่งออกไปแจ้งเกิดกับ เอเอฟซี วิมเบิลดัน ใน ลีกทู และมีผลงานลงสนาม 18 นัด ซัด 1 ตุงแล้ว ก็มาได้โอกาสจาก มาเรสก้า ให้ขึ้นมาฉายแสงเต็มที่ในซีซั่นนี้
ถึงตรงนี้ ปีกวัย 21 กดแล้วถึง 3 ประตูจากการเล่น 5 นัด เป็นดาวซัลโวของทีมไปเสียเฉยๆ
เหมาสองประตูพา เลสเตอร์ บุกตบ ร็อตเตอร์แฮม 2-1 (พร้อมเป็นแมนออฟเดอะแมตช์)
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ ก็สังหารลูก 2-0 ก่อน เลสเตอร์ บุกทะลวง เซาแธมป์ตัน 4-1
“ผมชอบเขามาก ไม่แต่เฉพาะที่เขาสามารถทำประตูได้เท่านั้น ผมยังชอบแนวทางที่เขาทำงานและการอุทิศตัว เขาช่วยทีมได้มากในการเล่นแบบไม่มีบอล เขาคือนักเตะคนสำคัญของเรา” มาเรสก้า ว่าถึง แม็คเคเทียร์ ไว้แบบนี้
อย่าได้แปลกใจหากวันหนึ่งข้างหน้า แม็คเคเทียร์ จะก้าวไปเป็นตัวทีเด็ดของ แมนฯ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส, นิวคาสเซิ่ล หรือ เชลซี
…อ้าว?!?
หรือซีซั่นก่อนก็แค่ ‘อุบัติเหตุ’
ใช่ หรือที่จริง ซีซั่นก่อนมันก็แค่อุบัติเหตุทางลูกหนัง ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
เพราะอย่างที่เราทราบกันดี และพื้นที่นี้ก็เอ่ยถึงมาหลายครั้งแล้วว่า ภาพของการเป็นทั้ง “แชมป์พรีเมียร์ลีก” ปี 2016 และ “แชมป์เอฟเอ คัพ” ปี 2021 ที่จริงแล้วมันก็ยังไม่ได้ถูกลบเลือนไปไหน แฟนบอลยังทวนแทบทุกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อยู่เลย
ที่สำคัญ นักเตะจากทีมแชมป์ของ 2 ชุดนั่น ก็ยังหลงเหลืออยู่ใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม บางรายด้วย โดยเฉพาะ วาร์ดี้ กับ อัลไบรท์ตัน ที่อยู่มาตั้งแต่ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก
เพราะฉะนั้นโดยมาตรฐาน เลสเตอร์ ควรถือเป็น “ทีมระดับกลาง” ของ พรีเมียร์ลีก อย่างไม่เคอะเขิน แค่เพียงว่าซีซั่นที่แล้วมันเกิดอาการแผ่นเสียงตกร่อง ปัญหารุมเร้าจน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข็นไม่ขึ้น และสุดท้ายตกชั้นลงมาโดยขาดแค่ 2 แต้มเท่านั้นเอง (เอฟเวอร์ตัน 36, เลสเตอร์ 34 : ถ้าแต้มเท่ากัน เลสเตอร์ ประตูได้เสียดีกว่า)
และเมื่อทีมที่มี “มาตรฐานพรีเมียร์ลีก” ในตัวอยู่แล้ว ต้องหลุดลงมาเล่นในลีกรอง ก็อาจไม่ใช่เรื่องยากเย็นเกินไปนักที่จะเด้งตัวคืนสู่ “ที่ชอบๆ” ในเวลาอันรวดเร็ว
6 นัด ชปช. ผ่านไปด้วยการเป็นรองจ่าฝูง แสดงให้เห็นถึงก้าวเดินที่มุ่งไปในทิศทางนั้น
ขอแค่รักษาระดับอย่าหลุดมาตรฐาน ไม่นานเกินรอ เลสเตอร์ ซิตี้ คงได้กลับสู่เวที พรีเมียร์ลีก อย่างที่ควรจะเป็น อีกครั้ง
มุมแสดงทรรศนะ