แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และฝันร้ายของการตกชั้น: บทเรียนจากอดีตของสโมสรยักษ์ใหญ่ในอังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความสำเร็จ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยในพรีเมียร์ลีก ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025 พวกเขาอยู่อันดับที่ 15 ของตาราง มีคะแนนห่างจากโซนตกชั้นเพียง 12 แต้มเท่านั้น สถานการณ์ที่ย่ำแย่ทำให้แฟนบอลและกูรูฟุตบอลเริ่มพูดถึงความเป็นไปได้ที่ยูไนเต็ดอาจต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือ “การตกชั้น”
ฤดูกาล 2024–25 ถือเป็นฤดูกาลที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อาโมริม (Ruben Amorim) ปีศาจแดงมีฟอร์มการเล่นที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาต้องดิ้นรนหนีโซนตกชั้น ความพ่ายแพ้ต่อ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 0-1 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2025 ยิ่งทำให้แฟนบอลวิตกกังวล เนื่องจากทีมไม่สามารถทำประตูได้เป็นนัดที่สองติดต่อกัน และการเล่นที่ไร้ชีวิตชีวาทำให้ความหวังเริ่มริบหรี่
ปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อฟอร์มของทีม ยูไนเต็ดต้องเผชิญกับการขาดผู้เล่นตัวหลักหลายราย ทำให้การจัดทีมของอาโมริมเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น แม้ว่ากุนซือชาวโปรตุเกสจะพยายามรักษาสไตล์การเล่นของตัวเอง แต่ผลการแข่งขันที่ออกมากลับไม่เป็นใจ
เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องร่วงหล่น: ตัวอย่างจากยุคพรีเมียร์ลีก
สถานการณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปัจจุบันทำให้แฟนบอลนึกย้อนถึงกรณีของสโมสรชื่อดังในอังกฤษที่เคยตกชั้นอย่างไม่คาดฝัน หลายทีมเคยยิ่งใหญ่ แต่ด้วยปัจจัยหลายประการ ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความตกต่ำ
ลีดส์ ยูไนเต็ด (ฤดูกาล 2003–04)
จากสโมสรที่เคยไปถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2001 ลีดส์ ยูไนเต็ดต้องตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกเพียงสามปีให้หลัง ปัญหาหลักของพวกเขาคือการบริหารที่ผิดพลาด มีหนี้สินสะสมมหาศาล และต้องขายนักเตะตัวหลักออกไป ทำให้ทีมอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (ฤดูกาล 2008–09)
เดอะ แม็กพายส์ เป็นอีกหนึ่งทีมใหญ่ที่เคยพบกับหายนะจากการบริหารที่ไม่แน่นอน ฤดูกาลนั้นพวกเขาเปลี่ยนผู้จัดการทีมถึงสามคน รวมถึงการจากไปของ เควิน คีแกน และการคุมทีมช่วงสั้น ๆ ของ โจ คินเนียร์ ปัญหาภายในสโมสรทำให้ผลงานในสนามดิ่งลงเหว และสุดท้ายพวกเขาก็ต้องตกชั้น
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (ฤดูกาล 2011–12)
การที่ทีมที่เคยเป็น แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1994–95 ต้องตกชั้นในปี 2012 ถือเป็นเรื่องน่าตกใจ ปัญหาของแบล็คเบิร์นเริ่มต้นจากการเปลี่ยนเจ้าของทีมและการบริหารงานที่ขาดเสถียรภาพ สตีฟ คีน กุนซือของทีมในขณะนั้นต้องรับมือกับแรงกดดันจากแฟนบอลที่ไม่พอใจ และสุดท้ายทีมก็ร่วงลงสู่แชมเปียนชิพ
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (ฤดูกาล 2010–11)
ขุนค้อนมีนักเตะคุณภาพอย่าง สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ อยู่ในทีม แต่พวกเขากลับต้องตกชั้นเพราะปัญหาการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมและผลงานที่ไม่นิ่ง ฤดูกาลนั้น เวสต์แฮมจบอันดับสุดท้ายของตาราง แต่พวกเขาก็สามารถกลับมาเลื่อนชั้นได้ในปีถัดไป
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (ฤดูกาล 1992–93)
สโมสรที่เคยคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปัจจุบัน) สองสมัยติดในปี 1979 และ 1980 กลับต้องตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลแรกของลีกสูงสุดยุคใหม่ การตกชั้นครั้งนั้นถือเป็นจุดจบของยุคสมัยที่ ไบรอัน คลัฟ คุมทีม และเป็นบทเรียนที่แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จในอดีตไม่ได้การันตีอนาคตที่สดใส
ก่อนยุคพรีเมียร์ลีก
ก่อนที่พรีเมียร์ลีกจะถือกำเนิดขึ้นในปี 1992 ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษก็คือ ดิวิชัน 1 (First Division) ซึ่งเต็มไปด้วยการแข่งขันที่เข้มข้น แม้แต่สโมสรระดับตำนานก็เคยประสบกับช่วงเวลาที่ตกต่ำจนถึงขั้นตกชั้นจากลีกสูงสุด ต่อไปนี้คือตัวอย่างของทีมยักษ์ใหญ่ที่เคยร่วงหล่นจากดิวิชัน 1 อย่างไม่คาดคิด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1973–74)
แม้ว่าในปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก แต่พวกเขาก็เคยต้องตกชั้นมาแล้วในฤดูกาล 1973–74 สิ่งที่ทำให้การตกชั้นครั้งนั้นเจ็บปวดยิ่งขึ้นคือการที่ เดนิส ลอว์ (Denis Law) อดีตกองหน้าของยูไนเต็ด ซึ่งในขณะนั้นเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นผู้ทำประตูชัยให้ซิตี้เอาชนะยูไนเต็ด 1-0 ในช่วงท้ายฤดูกาล ส่งผลให้ปีศาจแดงต้องร่วงลงสู่ดิวิชัน 2
การตกชั้นของยูไนเต็ดเป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงในทีมหลังจากเซอร์ แมตต์ บัสบี้ อำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี 1969 แม้ว่าเขาจะกลับมาคุมทีมชั่วคราวในช่วงสั้น ๆ แต่ทีมก็ไม่สามารถรักษามาตรฐานเดิมไว้ได้ หลังจากตกชั้น ยูไนเต็ดใช้เวลาเพียงฤดูกาลเดียวในการกลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง และเริ่มสร้างทีมใหม่ภายใต้การนำของทอมมี่ ด็อคเฮอร์ตี้
ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (1976–77)
ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เป็นอีกหนึ่งทีมที่ไม่คาดคิดว่าจะต้องตกชั้นจากดิวิชัน 1 ในปี 1977 ทีมไก่เดือยทองในยุคนั้นมีนักเตะชื่อดังอย่าง สตีฟ เพอร์รีแมน (Steve Perryman) และ แพต เจนนิงส์ (Pat Jennings) แต่ฟอร์มการเล่นของพวกเขากลับไม่สม่ำเสมอ ฤดูกาลนั้นสเปอร์สเก็บได้เพียง 22 แต้มจาก 42 นัด และจบอันดับรองสุดท้ายของตาราง
อย่างไรก็ตาม ท็อตแนมสามารถเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในฤดูกาลถัดไป และต่อมาในยุค 1980s พวกเขาก็กลับมาเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของอังกฤษ คว้าแชมป์เอฟเอคัพ 2 สมัย (1981, 1982) และยูฟ่าคัพในปี 1984
ลิเวอร์พูล (1953–54)
เชื่อหรือไม่ว่า ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เคยตกชั้นจากดิวิชัน 1 มาก่อน พวกเขาต้องร่วงลงสู่ดิวิชัน 2 หลังจบฤดูกาล 1953–54 โดยที่พวกเขาจบอันดับสุดท้ายของตารางและเก็บได้เพียง 28 แต้มจาก 42 นัด
หลังจากตกชั้น ลิเวอร์พูลต้องรอถึง 8 ปี กว่าจะได้เลื่อนกลับขึ้นมาในฤดูกาล 1961–62 ภายใต้การนำของผู้จัดการทีมระดับตำนาน บิล แชงค์ลีย์ (Bill Shankly) นับตั้งแต่กลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุด ลิเวอร์พูลก็ไม่เคยตกชั้นอีกเลย และได้กลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
อาร์เซนอล (1912–13)
อาร์เซนอลเป็นอีกทีมที่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุดของอังกฤษ ย้อนกลับไปในฤดูกาล 1912–13 สโมสรที่ในขณะนั้นยังใช้ชื่อว่า วูลวิช อาร์เซนอล (Woolwich Arsenal) จบอันดับสุดท้ายของดิวิชัน 1 และต้องร่วงลงสู่ดิวิชัน 2 หลังจากมีผลงานย่ำแย่
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ในปี 1919 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สโมสรได้รับการโหวตให้กลับมาเล่นในดิวิชัน 1 อีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอาร์เซนอลให้เป็นสโมสรระดับแถวหน้า และนับตั้งแต่นั้นมา อาร์เซนอล ไม่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุดอีกเลย จนถึงปัจจุบัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะรอดหรือไม่?
แม้ว่ายูไนเต็ดจะอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก แต่พวกเขายังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเอง พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่พลิกผันได้ตลอดเวลา และชัยชนะเพียงไม่กี่นัดก็สามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของตารางคะแนนได้
ล่าสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับเอฟเวอร์ตัน 2-2 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2025 พวกเขาตามหลังไปก่อน แต่สามารถกลับมาตีเสมอได้ในครึ่งหลัง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของทีม
อย่างไรก็ตาม รูเบน อาโมริม ต้องเร่งแก้ไขปัญหาต่าง ๆ หากต้องการพาทีมหนีตกชั้น การเสริมเกมรับให้แข็งแกร่งขึ้น การทำให้เกมรุกมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการจัดการอาการบาดเจ็บของนักเตะคือสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ
แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มแฟนบอลที่ภักดีและมีความอดทนสูง แต่พวกเขาก็คาดหวังให้สโมสรกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่โดยเร็วที่สุด
สำหรับโปรแกรมในนัดต่อไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมเปิดบ้านรับการมาเยือนของเพื่อนร่วมสู้หนีตกชั้น อิปสวิช ทาวน์ พวกเขาจะสามารถสร้างโมเมนตัมกลับมาเพื่อทำแต้มต่อได้หรือไม่? เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ 12bet ทางเข้า เพื่อวางเดิมพันของคุณได้เลย!
บทสรุป: จะซ้ำรอยหรือลุกขึ้นสู้?
การตกชั้นของสโมสรใหญ่อาจดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับแฟนบอลยุคปัจจุบัน แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่มีทีมใดที่ “ใหญ่เกินกว่าจะตกชั้น” ได้ สโมสรที่เคยรุ่งเรืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ และอาร์เซนอล ต่างก็เคยสัมผัสกับความเจ็บปวดจากการร่วงลงสู่ลีกล่างมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลายทีมสามารถใช้โอกาสนี้เป็นบทเรียน และกลับมาสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง ตัวอย่างของลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นว่าการตกชั้นอาจเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งของวัฏจักรฟุตบอล และสโมสรที่มีความแข็งแกร่งและมีการบริหารจัดการที่ดีจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้
สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบัน แม้โอกาสตกชั้นจะยังดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาภายในทีมได้ในเร็ววัน การตกชั้นที่เคยเกิดขึ้นในปี 1974 อาจเกิดขึ้นซ้ำรอยได้อีกครั้ง
มุมแสดงทรรศนะ