ชำแหละ หลังเกมพรีเมียร์ลีก : ปืนใหญ่ บุกแบ่งแต้ม ผีแดง

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20

วันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2019

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 อาร์เซนอล

ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด

1. ครึ่งแรกที่ไร้มนต์ขลังไม่เพียงแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด เจ้าบ้านเท่านั้นที่เล่นได้อย่างไม่เอาอ่าวในครึ่งแรก ฝั่ง อาร์เซนอล เองก็ดูจะบู่ตามพวกเขาไปด้วยเช่นกันจนทำให้กลายเป็น 45 นาทีแรกที่ชวนหลับสุดๆ ของแฟนบอล

เดอะกันเนอร์ส ไร้ซึ่งความเด็ดขาดและความกระตือรือล้นอย่างสิ้นเชิงแม้ว่าจะมีช็อตวูบวาบจาก บากาโย ซาก้า กับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง รวมไปถึงการพาบอลจากแดนกลางขึ้นหน้าของ มัตเตโอ เกนดูซี ให้เห็นอยู่บ้างก็ตามกระทั่งประตูจาก สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ในช่วงท้ายครึ่งแรกที่ทำให้รูปเกมในครึ่งหลังกลับมามีชีวิตชีวาได้บ้าง

 

2. ผีแดง ต้องการตัวจบสกอร์แม้ มาคัส แรชฟอร์ด จะหายเจ็บกลับมาลงสนามช่วยทีมได้เหมือนเดิมแล้ว แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดว่าไม่สามารถแบกความคาดหวังในการทำประตูให้กับทีมได้ บ่อยครั้งที่เขามีโอกาส เขาก็มักจะปล่อยโอกาสหลุดลอยไป ยิ่งถ้าดูจากสถิติในฤดูกาลนี้ หากไม่นับลูกจุดโทษ หัวหอกเลือดผู้ดีรายนี้ พึ่งจะทำได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น จากการลงสนามในลีกตลอด 7 เกมที่ผ่านมา

ดังนั้น ถึงเวลาที่ควรจะปรับเปลี่ยนแล้วหรือยัง ซึ่งวิธีการที่พอจะทำได้ในตอนนี้ นอกจากการรอตลาดซื้อขายนักเตะเปิด หรือรอการกลับมาของ อ็องโตนี มาร์กซิยาล ก็คงจะเป็นการให้โอกาส ดาวรุ่งคนอื่น ๆ อย่าง เมสัน กรีนวู้ด ที่พอจะฉายแววการจบสกอร์ให้เห็นกันมาบ้างแล้ว

หรืออาจจะลองให้ แดเนียล เจมส์ มาลองยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าไปเลยก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร ซึ่งทุกทางที่กล่าวมาก็น่าจะยังดีว่าการดันทุรังเชื่อมั่นในตัว แรชฟอร์ด ต่อไป ต่อไปแม้ที่ผ่านมาจะต้องผิดหวังมาโดยตลอดก็ตาม

 

3. มาร์กอส โรโฮ ดีกว่าไหม ?ในช่วงที่ ลุค ชอว์ มีอาการบาดเจ็บ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ได้พลัดเปลี่ยนเอาคนอื่น ๆ มายืนเป็นแบ็คซ้ายแทน ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ ยัง หรือแม้แต่ในเกมนี้เป็น อักเซล ตวนเซเบ้ ซึ่งยังก็เห็น ๆ กันแล้วว่าไม่มีใครเลยที่นิ่งพอจะฝากผีฝากไข้ไว้ใจเมื่อได้บอลเลยซักคนเดียว

แต่ในขณะเดียวกัน มาร์กอส โรโฮ กลับไม่เคยได้รับโอกาสนั้น ทั้งที่กองหลังชาวอาเจนไตน์ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เมื่อได้ลงสนามเขามีดีกว่าที่ทุกคนตีตราเขาเอาไว้

โดยเฉพาะในเกม คาราบาวคัพ ที่ผ่านมา เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นทั่งรุกและรับ แถมยังเปิดบอลแม่นเหมือนจับวางสร้างโอกาสให้ทีมได้ลุ้นอยู่ตลอด ซึ่งอาจจะดีกว่าการให้ ยัง หรือ ตวนเซเบ้ มายืนในตำแหน่งที่ไม่ถนัดซะด้วยซ้ำ

ซึ่งก็ไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไม โซลชาร์ ถึงไม่ยอมส่ง โรโฮ ลงสนาม แต่ที่ทราบแน่ ๆ เลยคือไม่ว่าจะเป็น ยัง หรือแม้แต่ ตวนเซเบ้ มันไม่เวิร์คจริง ๆ

 

4. อนาคตของ โซลชาร์ อนาคตของ แมนฯ ยูไนเต็ดจนถึงตอนนี้ก็คงมีทั้งแฟน ๆ ที่ยังสนับสนุน และไม่สนับสนุนในตัวของกุนซืออย่าง โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ที่ไม่สามารถทำทีมได้ตามที่หลาย ๆ คนคาดหวังเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่ามีหลายเหตุ หลายปัจจัย ที่ทำให้ผลงานของปีศาจแดงยังไม่เข้าฝักเข้าฟอร์มอย่างที่ควรจะเป็น แต่เริ่มมีเสียงจากแฟนบอลหลายคนแล้วว่า “อย่างน้อยบอลมันก็ควรจะมีทรง ดูเป็นรูปเป็นร่างบ้างสิ”

หากจะเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ ให้ลองดูที่ เชลซี ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ซีซั่นนี้โดนแบนห้ามลงทะเบียนซื้อนักเตะใหม่ จึงต้องดันดาวรุ่งขึ้นมาเหมือนๆกัน แน่นอนว่าผลงานก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่ต่างคือ สไตล์การเล่น รวมถึงความโดนเด่นในการทำทีม ที่แม้บางนัดจะสะดุด แพ้ หรือ เสมอ แต่รูปเกมของสิงห์บลู กลับดูตื่นเต้น สวยงาม มีทรงในการเข้าทำที่ชัดเจนอยู่เสมอ

พอกลับมามองที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เล่นมายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารูปแบบการเล่นที่หวังผลได้คือแบบไหน จะเล่นโต้กลับ ต่อบอล หรือ บุกแหลก? ก็ยังไม่เห็นจะไปสุดสักทาง

ภาพที่เห็นในตอนนี้คือ มันดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไปหมด เหมือนส่งนักเตะลงไปแล้ว ให้แต่ละคนอยากทำอะไรก็ทำไปเลยตามที่ตัวเองถนัด ซึ่งทรงแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน หรือใช้เม็ดเงินอีกจำนวนเท่าไหร่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงจะกลับมาเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง…

 

5. เอเมรี เพลย์เซฟน่าผิดหวังที่ อูไน เอเมรี วางแผนให้ลูกทีมเล่นอย่างปลอดภัยไว้ก่อนที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในช่วงเวลาที่ ปีศาจแดง ไม่ได้น่าเกรงขามเหมือนเก่า อีกทั้งพวกเขายังขาดฟูลแบ็คตัวเก่งอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า จนต้องจับเอา แอชลีย์ ยัง ลงเล่นแทนที่โดยมี แอกเซล ทวนเซเบ้ ประจำการที่ตำแหน่งแบ็คซ้ายเมื่อพวกเขามีนักเตะอย่าง นิโกลาส์ เปเป้ และดาวรุ่งฟอร์มฮ็อตอย่าง บากาโย ซาก้า

ไอเดียเพลย์เซฟของ เอเมรี ยังแสดงให้เห็นได้ชัดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมื่อสั่งการให้ โซคราติส กลับไปประจำการที่ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คกับจังหวะที่เจ้าตัวพยายามเติมขึ้นเล่นลูกเซ็ตพีซที่ทีมได้ในแดนกลาง

การตัดสินใจของนายใหญ่ชาว สเปน ที่ดูจะเด็ดขาดอยู่บ้างมีเพียงแค่การส่ง ดานี เซบาญอส ลงมาแทนที่ ลูคัส ตอร์เรย์รา ในช่วงต้นครึ่งหลังเมื่อทีมตกอยู่ในสถานการณ์ต้องการประตูเท่านั้น

 

6. บากาโย ซาก้า ฉายแสงหากนับการลงเล่นเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ของดาวเตะวัยเพียง 18 ปีเจ้าตัวสามารถทำได้ 1 ประตูกับ 3 แอสซิสต์จากการลงสนาม 3 นัดเข้าไปแล้ว

ซาก้า ยังแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ ความกระตือรือล้นที่มาพร้อมกับทักษะความสามารถเฉพาะตัวที่สามารถต่อกรกับแนวรับของ ปีศาจแดง ได้อย่างวูบวาบตลอดทั้งเกมต่อหน้ากองเชียร์กว่า 73,000 คนที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด