ข่าวฟุตบอลข่าวฟุตบอลอื่นๆ

ถ้า”ชนาธิป”ย้ายทีม! สู่เวทียุโรป วิเคราะห์ความเป็นไปได้ 5 ทีมเป้าหมาย

ufasexygame


หลังจากที่ “เจ้าเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมคเกอร์ ทีมชาติไทย สังกัด คอนซาโดเล ซัปโปโร วัย 26 ปีได้จรดปากกากลายเป็นดาวเตะในการดูแลของ FPS Management & Consulting ซึ่งมี ธฤติ โนนศรีชัย ร่วมทีมบริหาร พร้อมกับประเด็นข่าวซึ่งถูกเผยแพร่โดยแฟนเพจเฟซบุ๊ก ช้างศึก ระบุว่า เอฟพีเอส ได้เดินหน้ายื่นเสนอโปรไฟล์ของสตาร์จาก เจลีก ให้กับทีมใน บุนเดสลีกา พิจารณาไปเรียบร้อยราว 5 ทีมเราพาผู้อ่านส่องถึง 5 สโมสรน่าจะเป็นดังกล่าวที่ตกเป็นข่าว รวมถึงวิเคราะห์ความเป็นไปได้โดยคำนึงจากสไตล์ รูปแบบการเล่นของทีมที่เน้นการครองบอล ความเป็นไปในตลาดซื้อขายนักเตะ ไปจนถึงคู่แข่งแย่งตำแหน่งตัวจริงที่ ชนาธิป อาจต้องเจอหรือกระทั่งย้ายไปแทนที่ในบทความนี้

*อ้างอิงตัวเลขสถิติประกอบบทความจากเว็บไซต์ whoscored.com

1. แวร์เดอร์ เบรเมน

Milot Rashica

การครองบอลเฉลี่ย – 48.9 เปอร์เซ็นต์เป็นอันดับที่ 9 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 33 เปอร์เซ็นต์ น้อยที่สุดในลีกเท่ากับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – มิโลต์ ราชิก้า
รูปแบบการเล่น – 4-3-3, 3-4-3

แวร์เดอร์ เบรเมน กลายเป็นทีมยักษ์หลับในศึก บุนเดสลีกา โดยพวกเขาเป็นทีมที่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นจนถึงนัดเพลย์ออฟในฤดูกาลนี้ แต่แม้ เบรเมน จะมีคะแนนรั้งอันดับ 3 จากท้ายตารางแต่พวกเขามีสถิติเล่นเน้นการครองบอลโดยมีค่าเฉลี่ยสูงเป็นอันดับที่ 9 ใน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือหนุ่ม ฟลอเรียน โคห์เฟลดท์

ทั้งนี้ เบรเมน ใช้รูปแบบการเล่น 4-3-3 เป็นหลักโดยมี 3-4-3 รองลงมา นักเตะอย่าง มิโลต์ ราชิก้า จับจองตำแหน่งตัวรุกริมเส้นที่กราบซ้าย อันเป็นตำแหน่งที่ ชนาธิป เล่นให้กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ดาวเตะทีมชาติ โคโซโว จะบอกลาทีมซัมเมอร์นี้เมื่อตกเป็นข่าวหนาหูกับบิ๊กทีมอย่าง ลิเวอร์พูล, แอร์เบ ไลป์ซิก และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

พวกเขายังคุ้นเคยกับผู้เล่นจาก เอเชีย โดยการมีแข้งอย่าง ยูยะ โอซาโกะ กองหน้าทีมชาติ ญี่ปุ่น วัย 30 ปีเป็นกองหน้าตัวหลักอยู่ในทีมชุดปัจจุบันอีกด้วย

2. ชาลเก้ 04

Rabbi Matondo

การครองบอลเฉลี่ย – 49.6 เปอร์เซ็นต์เป็นอันดับที่ 8 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 36 เปอร์เซ็นต์ น้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 8 ในลีก
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – แร็บไบ มาทอนโด้
รูปแบบการเล่น – 4-3-1-2, 4-2-3-1

อีกหนึ่งยักษ์หลับเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุด เยอรมนี 7 สมัยที่รั้งอันดับ 12 บนตารางคะแนน บุนเดสลีกา ซีซัน 2019/20 คุมทัพโดย เดวิด วากเนอร์ เพื่อนซี้ของ เยอร์เก้น คล็อปป์

ที่น่าสนใจสำหรับ เบรเมน คือพวกเขามีความหลากหลายเชิงแท็คติก ยืดหยุ่นตามคู่ต่อสู้โดยใช้งาน 4-3-1-2 และ 4-2-3-1 เป็นจำนวนเท่ากันที่ 10 ครั้งในฤดูกาลนี้ ซึ่งมี แร็บไบ มาทอนโด้ อดีตเด็กปั้นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จับจองตำแหน่งตัวรุกริมเส้นกราบซ้ายซึ่งเจ้าหนูวัย 19 ปีรายนี้ตกเป็นข่าวกลายเป็นตัวเลือกรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด หากพวกเขาพลาดดีล เจดอน ซานโช

ขณะที่ตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ตัวหลักหลังกองหน้าเป็นของ อามีน ฮาริท ดาวเตะทีมชาติ โมร็อคโก วัย 23 ปีเจ้าของสถิติ 7 ประตูกับ 7 แอสซิสต์จากการลงสนามรวมทั้งสิ้น 26 นัดเมื่อรวมทุกรายการ แต่ ฮาริท ได้รับบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าฉีกขาดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาลและยังไม่มีกำหนดคืนสนามแต่อย่างใด

3. ฮอฟเฟนไฮม์

Robert Skov

การครองบอลเฉลี่ย – 51.5 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับที่ 6 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 34 เปอร์เซ็นต์ น้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ในลีก
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – โรเบิร์ต สคอฟ
รูปแบบการเล่น – 4-2-3-1

ฮอฟเฟนไฮม์ จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 9 ในตารางคะแนน แม้จะพลาดโควต้าถ้วยยุโรปแต่พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นด้วยรูปแบบเน้นการครอบครองบอลและมีจุดอ่อนที่การขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายจากสถิติขึ้นเกมรุกโดยเฉลี่ย

พวกเขาใช้แผน 4-2-3-1 (9 ครั้ง) และ 3-1-4-2 (8 ครั้ง) ที่มีจำนวนเกือบจะเท่าๆ กันตลอดฤดูกาล และคีย์แมนที่ริมเส้นอย่าง พาเวล คาเดราเบ็ค มีความยืดหยุ่นสามารถประจำการได้ทั้งตำแหน่งแบ็คขวาและมิดฟิลด์ฝั่งขวา กับ โรเบิร์ต สคอฟ ที่ลงเล่นได้ในบทบาทตัวรุกริมเส้นทั้ง 2 ฝั่ง โดยทั้ง คาเดราเบ็ค และ สคอฟ เป็นเจ้าของสถิติแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมสูงสุดร่วมกันที่ 7 ครั้ง แต่ด้วยวัย 29 ปีของ สคอฟ ที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของเส้นทางค้าแข้งทำให้เราเชื่อว่า ชนาธิป (26 ปี) จะสามารถทดแทนคีย์แมนของ ฮอฟเฟนไฮม์ รายนี้ได้

ขณะที่ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกของพวกเขาเป็นของ คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์ เจ้าหนูวัย 20 ปีผลผลิตจากสถาบันลูกหนังของ ฮอฟเฟนไฮม์ เองที่แม้จะแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีมได้เพียง 2 ครั้งตลอดทั้งฤดูกาลแต่เจ้าตัวครองตำแหน่งรองดาวซัลโว (7 ประตู) ของต้นสังกัด เป็นรองเพียง อันเดรย์ ครามาริช (12 ประตู) เท่านั้น

4. ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต

Daichi Kamada

การครองบอลเฉลี่ย – 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับที่ 7 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 39 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดเป็นลำดับที่ 3 ในลีก
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – ไดอิชิ คามาดะ
รูปแบบการเล่น – 3-4-1-2

แฟรงค์เฟิร์ต ยังคงสถานะทีมอันเดอร์ด็อกพุ่งแรงจากฤดูกาลก่อนแม้พวกเขาจะปล่อยกองหน้าตัวหลักอย่าง ลูก้า โยวิช (เรอัล มาดริด) กับ เซบาสเตียน ฮัลเลอร์ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด) ออกจากทีม

ด้วยรูปแบบการเล่นหลัก 3-4-1-2 ทำให้เจ้าของตำแหน่งที่กราบซ้ายอย่าง ฟิลิป คอสติช ของ แฟรงค์เฟิร์ต ต้องรับบทบาทหนักในเกมรับซึ่งทำให้ ชนาธิป ไม่เหมาะกับตำแหน่งดังกล่าว โดยความเป็นไปได้มากที่สุดในการเบียดแย่ง 11 ตัวจริงของเจ้า เจ คือการรับตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์หลังกองหน้าโดยมี ไดอิชิ คามาดะ กองกลางตัวรุกวัย 23 ปีที่เพิ่งประเดิมติดทีมชาติ ญี่ปุ่น เป็นนัดแรกเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมาเป็นคู่แข่ง นอกจากนี้ทีมยังมี มาโกโตะ ฮาเซเบะ อีกหนึ่งแข้ง เอเชีย เป็นคีย์แมนที่แนวรับ

ที่น่าสนใจคือทัพ แฟรงค์เฟิร์ต ยังจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 7 ของตารางคะแนน ได้โควต้าผ่านเข้าไปเล่นในศึก ยูฟ่า ยูโรปาลีก สำหรับซีซันหน้าอีกด้วย

5. โวล์ฟสบวร์ก

FBL-EUR-C3-WOLFSBURG-MALMO

การครองบอลเฉลี่ย – 48.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นอันดับที่ 10 ในลีก
ขึ้นเกมรุกที่กราบซ้ายเฉลี่ย – 35 เปอร์เซ็นต์ น้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 5 ในลีก
คู่แข่งแย่งตำแหน่ง – โจซิป บรีกาโล
รูปแบบการเล่น – 3-4-2-1

โวล์ฟสบวร์ก เป็นทีมที่มีจบฤดูกาลด้วยอันดับสูงที่สุดในลิสต์ชองเรา คว้าโควต้าลุย ยูฟ่า ยูโรปาลีก ฤดูกาลหน้าด้วยอันดับ 6 บนตารางคะแนน บุนเดสลีกา

พวกเขาขับเคลื่อนด้วยรูปแบบการเล่น 3-4-2-1 โดยมี โจซิป บรีกาโล รับบทบาทมิดฟิลด์ตัวกรุกฝั่งซ้าย โดยเจ้าหนูทีมชาติ โครเอเชีย วัย 22 ปียังเป็นเจ้าของสัมปทานในริมเส้นดังกล่าวเมื่อทีมปรับมาใช้ระบบ 4-4-2

อย่างไรก็ตาม บรีกาโล นับว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตาของยุโรปและตกเป็นข่าวกับทีมอย่าง อตาลันต้า รวมไปถึง เอซี มิลาน ทำให้มีความเป็นไปได้ที่พวกเขากำลังมองหาตัวแทนเจ้าหนู โครเอต รายนี้ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ช่วงซัมเมอร์

มุมแสดงทรรศนะ