บราซิล10คนทุบ เปรู 3-1 สอยแชมป์โคปาฯ สมัยที่ 9
“เจ้าภาพ” บราซิล หืดจับไม่ใช่น้อยเมื่อต้องเล่นแค่ 10 คน หลัง กาเบรียล เชซุส ที่วันนี้ทั้งยิงทั้งจ่ายโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม แต่ยังดีที่คุมสถานการณ์ก่อนคว้าชัยเหนือ เปรู ไปได้อย่างสนุก 3-1 ผงาดคว้าแชมป์ โกปา อเมริกา เป็นสมัยที่ 9 ได้สำเร็จ ในศึกโกปา อเมริกา 2019 รอบชิงชนะเลิศ ที่ประเทศบราซิล เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
สนาม : เอสตาดิโอ มาราคาน่า, รีโอ เด จาเนโร
ศึกฟุตบอล โกปา อเมริกา 2019 ที่ประเทศบราซิล เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ และเป็น “เจ้าภาพ” บราซิล อดีตแชมป์รายการนี้ 8 สมัย ผ่านเข้ามาชิงดำได้สำเร็จ หลังปราบ อาร์เจนตินา ในรอบรองฯ 2-0 เข้ามาพบกับ เปรู ที่ผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศได้เป็นหนแรกในรอบ 44 ปี หลังไล่ถล่ม ชิลี แบบขาดลอย 3-0
สำหรับสถิติคู่นี้ เพิ่งจะเจอกันล่าสุดในรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา ซึ่งทัพ “เซเลเซา” เจ้าภาพก็ไล่ถล่มแบบไม่ไว้หน้ามาเละเทะ 5-0 อีกทั้ง เฮด ทู เฮด ที่ผ่านมา บราซิล ข่มมิด 10 แมตช์ล่าสุดที่เจอกันทัพแซมบ้าคว้าชัยถึง 7 นัด เสมอ 2 ส่วน แข้งอินคา คว้าชัยได้ล่าสุดแค่นัดเดียวเมื่อเดือน มิถุนายน ปี 2016 หลังเบียดเข้าวิน 1-0
สำหรับเกมนี้ ตีเต้ เทรนเนอร์ทีมชาติบราซิล ส่งสามประสานแนวรุกทั้ง กาเบรียล เชซุส, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และเอแวร์ตอน โดยมี ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เป็นเพลย์เมกเกอร์อยู่หน้าต่ำ ขณะที่ เปรู ของ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ ริคาร์โด้ กาเรก้า ยังคงใช้ เปาโล เกร์เรโร่ เป็นหน้าเป้า โดยมี อันเดร การ์รีโย่, คริสเตียน กวยว่า และเอดินสัน ฟลอเรส สนับสนุนเหมือนเดิม
เกมเปิดฉากมาได้แค่ 2 นาที เปรู ได้ทักทายก่อนเลยเมื่อเรียกฟรีคิกได้หน้ากรอบของบราซิล ก่อนที่ คริสเตียน กวยว่า จะลองอัดผ่านกำแพงบอลพุ่งหลุดเสาแรกออกไป ทัพอินคายังได้ลุ้นต่อ อีก 4 นาทีถัดมา เรนาโต้ ตาเปีย หวดระยะไกลแต่บอลหลุดกรอบบแบบไม่ได้ลุ้น
แต่แค่จังหวะเข้าทำหนแรกของ “เจ้าภาพ” ในนาที 15 ก็เป็นประตูขึ้นนำทันที จากความยอดเยี่ยมของ กาเบรียล เชซุส รับบอลจาก ดานี่ อัลเวส ก่อนจะหลอก มิเกล ตราอูโก้ อย่างเหนือชั้นแล้วเปิดไปเสาสองให้ เอแวร์ตอน ที่ไร้ตัวประกบวิ่งมาแปด้วยขวาโล่งๆ เข้าไปให้ บราซิล ขึ้นนำเปรู 1-0 และเป็นประตูที่ 3 ในรายการนี้ของแข้งจากเกรมิโอ ขึ้นนำดาวซัลโวเดี่ยวๆ
เปรู ต้องเร่งเครื่องขึ้นมาบ้างเพื่อหวังประตูตีเสมอ นาที 27 โยชิม่า โยตุน เปิดคอนเนอร์มากลางประตู เรนาโต้ ตาเปีย ขึ้นเบียดก่อนโขกหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น
ทัพแซมบ้ายังครองบอลเหนือกว่า เกือบได้ลุ้นเม็ดที่สอง นาที 37 บอลจากซ้าย อเล็กซ์ ซานโดร ครอสบอลลึกมาเสาสองให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เทกตัวขึ้นโขกแต่บอลสูงข้ามคานออกไป
นาที 41 แฟนบอลเจ้าภาพต้องเงียบกริบ หลัง ติอาโก้ ซิลวา แนวรับบราซิลไปทำแฮนด์เสียจุดโทษ และผู้ตัดสินเช็กจาก VAR ข้างสนามก็ยืนยันคำตัดสิน ก่อนที่ เปาโล เกร์เรโร่ จะสังหารเข้าไปใน นาที 44 ให้ เปรู ไล่ตีเสมอ บราซิล 1-1 และเป็นประตูที่ 3 ในรายการนี้ขึ้นนำดาวซัลโวร่วมกับ เอแวร์ตอน ขณะที่ อลีสซง ที่พุ่งไปคนล่ะทางเสียประตูแรกในรายการนี้ และหยุดสถิติเก็บคลีนชีตไม่เสียประตูทั้งสโมสรและทีมชาติไว้ที่ 9 นัดเท่านั้น
เกมทำท่าว่าครึ่งแรกจะลงเอยด้วยการเสมอกัน ทว่าไม่กี่นาทีต่อมาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาที 45+3 บราซิล ทะยานขึ้นนำอีกครั้ง บอลโต้กลับเร็วจาก อาร์ตูร์ ที่ดึงผู้เล่นเปรูพาบอลเข้าไปหน้ากรอบก่อนหักเข้ากลางให้ กาเบรียล เชซุส ที่ยืนโล่งๆ ยิงด้วยขวาบอลพุ่งเบียดเสาเข้าไป
จบครึ่งเวลาแรก บราซิล ออกนำ เปรู 2-1
กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง นาที 51 บราซิล เกือบได้ลูกที่สามหนีห่าง บอลจาก กาเบรียล เชซุส ไหลสั้นๆให้ คูตินโญ่ พาบอลเข้ากลางก่อนยิงด้วยขวาแบบไม่ถนัดบอลพุ่งถากเสาออกไปแบบได้เสียว
อีก 3 นาทีต่อมา คูตินโญ่ พาบอลโต้กลับมาเล่นหลีกแหวกแนวรับเปรู ก่อนตะบันหน้ากรอบเต็มข้อไปติดบล็อค มิเกล ตราอูโก้ ที่ตามมาขวาง ทว่าบอลยังไม่พ้นอันตรายหลุดไปถึง กาเบรียล เชซุส จ่ายสั้นๆ ให้ ฟีร์มีโน่ หลุดเข้าไปยิงเล่นทาง บอลพุ่งหลุดกรอบออกไป
นาที 70 บราซิล ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ กาเบรียล เชซุส ที่วันนี้เล่นได้อย่างโดดเด่น ยิงหนึ่ง จ่ายหนึ่ง มาโดนใบเหลืองที่สอง เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม
เปรู เมื่อได้เปรียบตัวผู้เล่นดาหน้าบุกแบบไม่เกรงกลัว นาที 74 ได้ลุ้นจากลูกยิงไกลนอกกรอบของ เอดิสัน ฟลอเรส แต่บอลพุ่งหลุดเสาออกไปแบบได้เสียว
ตีเต้ อยู่ไม่ได้หลังตัวผู้เล่นเหลือน้อยกว่า แก้เกมเปลี่ยนตัวทีเดียวสองคนรวด นาที 75 ถอดเอา โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ออกแล้วส่ง ริชาร์ลิซอน ลงเล่นแทน ก่อนอีกสองนาทีจะเอา ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ออกแล้วส่ง เอแดร์ มิลิเตา ลงไปเล่นเกมรับ
เช่นเดียวกับฝั่งของ เปรู ไม่มีทางเลือกต้องลุยเพื่อทวงประตูคืน ถอดเอาตัวรับออกทั้ง โยชิม่า โยตุน และเรนาโต้ ตาเปีย ก่อนส่งแนวรุกทั้ง ราอูล รุยดิอาซ และคริสโตเฟอร์ กอนซาเลส
นาที 87 เสียงเชียร์ใน มาราคาน่า ต้องดังสนั่น เมื่อเจ้าภาพ บราซิล มาได้ลูกที่จุดโทษ หลัง เอแวร์ตอน ใช้ความสามารถพาบอลแหวกแนวรับเปรูเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจังหวะสุดท้ายโดน คาร์ลอส ซามบราโน่ กระแทกล้มลงไป ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที แม้ทีมงาน VAR ต้องส่งสัญญาณก่อนที่ผู้ตัดสินชาวชิลีจะวิ่งไปดูภาพจากข้างสนาม ก่อนยืนยันคำตัดสินเดิมเป็นลูกที่จุดโทษ และเป็น ริชาร์ลิซอน ตัวสำรองที่ซัดเข้าไปไม่พลาดในนาทีสุดท้าย ให้ บราซิล นำห่าง 3-1
ช่วงเวลาที่เหลือ แม้เปรูจะลุยบดหนัก แต่ไม่สามารถทวงประตูคืนได้ จบเกม “เจ้าภาพ” บราซิล ที่เหลือ 10 คน บดเอาชนเปรู ไปแบบสนุก 3-1 ผงาดคว้าแชมป์ โกปา อเมริกา เป็นสมัยที่ 9 หลังรอคอยมา 12 ปี หลังคว้าแชมป์รายการนี้ล่าสุดเมื่อปี 2007 และนับเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์ต่อจากปี 2013 ที่คว้าแชมป์ คอนเฟดเดเรชั่น คัพ ขณะที่ โกปา อเมริกา ครั้งต่อไปจะจัดอีกครั้งกลางปีหน้า โดยอาร์เจนตินา และโคลอมเบีย จะเป็นเจ้าภาพร่วม
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามทั้งสองทีม
บราซิล (4-3-1-2) : อลีสซง – ดานี่ อัลเวส, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, อเล็กซ์ ซานโดร – อาร์ตูร์, กาเซมีโร่ – กาเบรียล เชซุส, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (เอแดร์ มิลิเตา น.77), เอแวร์ตอน (อลัน น.90+6) – โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ริชาร์ลิซอน น.75)
เปรู (4-2-3-1) : เปโดร กาเยเซ่ – หลุยส์ อัดวินคูล่า, คาร์ลอส ซามบราโน่, หลุยส์ อัลฟอนโซ่ อับราม, มิเกล ตราอูโก้ – เรนาโต้ ตาเปีย (คริสโตเฟอร์ กอนซาเลส น.82), โยชิม่า โยตุน (ราอูล รุยดิอาซ น.78) – อันเดร การ์รีโย่ (แอนดี้ โปโล น.86), คริสเตียน กวยว่า, เอดินสัน ฟลอเรส – เปาโล เกร์เรโร่
ผู้ตัดสิน : โรเบร์โต้ โตบาร์ (ชิลี)
ทำเนียบแชมป์ โกปา อเมริกา
ปี แชมป์
2019 บราซิล
2016 ชิลี
2015 ชิลี
2011 อุรุกวัย
2007 บราซิล
2004 บราซิล
2001 โคลอมเบีย
1999 บราซิล
1997 บราซิล
1995 อุรุกวัย
มุมแสดงทรรศนะ