ปรีวิว ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี : ไทย vs ซาอุดีอาระเบีย

อากิระ นิชิโนะ เตรียมจัดทัพเต็มอัตราศึกส่งชุดที่ดีที่สุดลงสนาม นำทัพโดย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, สุภโชค สารชาติ โดยมี ศุภชัย ใจเด็ด ที่ฟิตสมบูรณ์พร้อมลงล่าตาข่าย ขณะที่ ”เศรษฐีน้ำมัน” ซาอุดีอาระเบีย แชมป์จากกลุ่ม บี ที่พึ่งดวลแข้งไทยในเกมอุ่นเครื่องก่อนเฉือนชนะไป 1-0 เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 63 โดย ”ซาอัด อัลเชห์รี” กุนซือใหญ่ออกโรงเผยไม่ใช่งานง่ายแน่ ยันไม่ประมาทหวังทำตามเป้าไปเล่นโอลิมปิกให้ได้ ช่อง 7 สียิงสัญญาณสดให้ชม ในศึกเอเอฟซี ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต วันที่ 18 ม.ค. นี้

ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในการลุยศึกเอเอฟซี ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย เจอกับอันดับ 1 กลุ่ม บี ซาอุดีอาระเบีย วันที่ 18 ม.ค. นี้ ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต เวลา 17.15 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ

ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่จะพบกับซาอุดีอาระเบีย เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่นเตรียมจัดทัพเต็มอัตราศึกส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามอย่างแน่นอน เพื่อเป้าหมายในการพาทีมทะลุเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายต่อไปให้ได้ โดย 11 ผู้เล่นทีมชาติไทย ยู-23 ที่คาดว่า อากิระ นิชิโนะ เตรียมส่งลงสนามโดยใช้ระบบ 4-2-3-1 มีดังต่อไปนี้

ผู้รักษาประตูเป็น กรพัฒน์ นารีจันทร์ โดยวาง ศฤงคาร พรมสุภะ ยืนเซนเตอร์จับคู่กับ ชินภัทร์ ลีเอาะ เช่นเดิม ด้านซ้ายเป็น ทิตาธร อักษรศรี ส่วนด้านขวาจะกลับมาใช้เป็น มีโชค มหาศรานุกูล ในส่วนกองกลางจะกลับมาใช้ สรวิทย์ พานทอง กับ กฤษดา กาแมน ขณะที่ 3 ตัวบนมี อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา โดยมีหน้าเป้าเป็น ศุภชัย ใจเด็ด ลงล่าตาข่าย

ด้าน ซาอัด อัลเชห์รี กุนซือทีมชาติซาอุดีอาระเบียได้ให้สัมภาษณ์ก่อนจะพบกับทีมชาติไทย ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ในวันเสาร์ที่ 8 ม.ค. 63 นี้ว่า ”ทีมชาติไทยทำได้ดีในเกมล่าสุด และเป็นงานยากที่จะชนะแน่นอน เพราะเป็นเจ้าภาพที่มีแฟนบอลให้กำลังใจคอยกดดันทีมคู่แข่งขันได้เป็นอย่างดี”

”อย่างไรก็ดี เราจะไม่ประมาทแน่นอน แต่เราพร้อมและจะต้องผ่านทีมชาติไทยไปให้ได้ เพื่อเข้าไปเล่นโอลิมเกมส์ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้”

ในขณะที่สถิติของทีมชาติไทยในการพบกับซาอุดีอาระเบีย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี โดยซัดกันมาแล้ว 1 ครั้ง ในปี 2016 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เกมนั้นจบด้วยผลเสมอ 1-1 ไทยได้ประตูจาก ภิญโญ อินพินิจ ตลอดเกมมีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นมากมายทั้งการเชฟจุดโทษของ สมพร ยศ ผู้รักษาประตู และจังหวะรองเท้าสตั๊ดขาดของ ชญาวัต ศรีนาวงษ์

ซึ่ง 4 เกมรุกเอกของทีมชาติไทย ที่ อากิระ นิชิโนะ ไม่ได้ส่งลงสนามพร้อมกัน ในนัดสุดท้ายที่เสมอกับอิรัก 1-1 ประกอบด้วย อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ ศุภชัย ใจเด็ด คาดว่าน่าจะเป็นแกนหลักในการลุยกับซาอุดีอาระเบียอย่างแน่นอน

ส่วนขุนพล ”เศรษฐีน้ำมัน” น่าจะนำมาโดย อับดุลราห์มาน การีฟ, ไอมัน อัล คูลาอิฟ และ เฟรัส อัล บีราแกน โดยพวกเขายังมีบรรดาตัวสำรองที่ถูกใส่ลงสนามตามภารกิจสามนัดที่ผ่านมาในรอบแรกก็เน้นการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นแดนกลางมากกว่าตำแหน่งอื่นๆ

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

ไทย
14 ม.ค. 63 – ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบสุดท้าย ที่ไทย – ไทย เสมอ อิรัก 1-1
11 ม.ค. 63 – ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบสุดท้าย ที่ไทย – ไทย แพ้ ออสเตรเลีย 1-2
8 ม.ค. 63 – ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบสุดท้าย ที่ไทย – ไทย ชนะ บาห์เรน 5-0
5 ม.ค. 63 – อุ่นเครื่องที่ไทย – ไทย ชนะ ศุลกากร 2-0
3 ม.ค. 63 – อุ่นเครื่องที่ไทย – ไทย แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 0-1

ซาอุดีอาระเบีย
15 ม.ค. 63 – ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ไทย – ซาอุดีอาระเบีย ชนะ ซีเรีย 1-0
12 ม.ค. 63 – ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ไทย – ซาอุดีอาระเบีย เสมอ กาตาร์ 0-0
9 ม.ค. 63 – ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ไทย – ซาอุดีอาระเบีย ชนะ ญี่ปุ่น 2-1
3 ม.ค. 63 – อุ่นเครื่องที่ไทย – ซาอุดีอาระเบีย ชนะ ไทย 1-0
27 มี.ค. 62 – ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่ซาอุดีอาระเบีย – ซาอุดีอาระเบีย เสมอ ยูเออี 1-1