มั่งคั่งเกินจินตนาการ! แฟนสาลิกาดงเฮ นิวคาสเซิ่ลเปลี่ยนเจ้าของใหม่ทางการแล้ว

พรีเมียร์ลีก ออกโรงแถลงอย่างเป็นทางการว่ากลุ่มทุนจาก ซาอุดิ อาระเบีย เข้ามาเทคโอเวอร์ทีม “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม

แรกทีเดียว กลุ่มทุนจากอาหรับเคยติดต่อขอเทคโอเวอร์ “เดอะ แม็กพายส์” ด้วยราคา 300 ล้านปอนด์ (ราว 13,863 ล้านบาท) มาก่อนแล้วเมื่อปี 2019 แถม ไมค์ แอชลีย์ เจ้าของสังเวียนแข้งแห่ง เซนต์ เจมส์พาร์ค ยอมตกลงขายทีมให้ด้วย แต่ดีลยักษ์ก็พังครืนลงไปเนื่องจาก ซาอุดิ อาระเบีย มีปัญหาพิพาทกับ บีอิน สปอร์ต กรณีดูดสัญญาณการถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ไปแพร่ภาพในประเทศอย่างไม่ถูกลิขสิทธิ์

อย่างไรก็ดี แม้จะล้มเหลว แต่สื่อเมืองผู้ดีรายงานข่าวกันอย่างต่อเนื่องว่าราชวงศ์ ซาอุดิ อาระเบีย ยังมีความพยายามที่จะเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในภาคอีสานของอังกฤษให้ได้ และจากความคืบหน้าเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ก็เป็นที่ยืนยันว่าพวกเขาได้รับไฟเขียวจาก พรีเมียร์ลีก ให้เดินเรื่องได้แล้วหลังจบปัญหากับ บีอิน สปอร์ต ได้อย่างลุล่วง กระทั่งล่าสุดก็มีการแถลงยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า “สาลิกาดง” มีการเปลี่ยนเจ้าของอย่างแน่นอนแล้ว

     “พรีเมียร์ลีก , นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ เซนต์ เจมส์ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด สามารถตกลงการเทคโอเวอร์สโมสรได้แล้วในวันนี้จากกลุ่มทุน พีไอเอฟ ( ซาอุดิ อาระเบีย พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์) , พีซีพี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ และ อาร์บี สปอร์ตส์ แอนด์ มีเดีย” ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีระบุ

     “ต่อกรณีดังกล่าวหมายความว่าสโมสรถูกขายให้กับกลุ่มทุนโดยมีผลในทันที พร้อมกันนี้ พรีเมียร์ลีก ได้รับการการันตีตามตัวบทกฏหมายด้วยว่าราชอาณาจักร ซาอุดิ อาระเบีย จะไม่เข้ามาครอบงำ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด”

 

 

ด้าน ยาซีร์ อัล รูมายยัน ประธาน พีไอเอฟ ซึ่งเข้ามาถือครองหุ้นของ “เดอะ แม็กพายส์” จำนวน 80% และจะดำรงตำแหน่งประธานสโมสรคนใหม่แทน  แอชลีย์ ที่นั่งเก้าอี้ตัวดังกล่าวมานาน 14 ปีได้เปิดปากตามมาว่า “เราภูมิใจเป็นอันมากที่กลายมาเป็นเจ้าของใหม่ของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด หนึ่งในทีมฟุตบอลอังกฤษที่มีแฟนมากที่สุด เราขอขอบคุณแฟนบอล นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นอย่างสูงที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี และเราตื่นเต้นที่จะทำงานไปด้วยกันกับพวกคุณ”

พร้อมกันนี้ อาแมนด้า สตีฟลีย์ ซีอีโอของ พีซีพี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส ซึ่งอยู่หลังฉากการติดต่อเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิ่ล ให้กับกลุ่มทุนจาก ซาอุดิ อาระเบีย และจะถือครองหุ้นของสโมสรเป็นจำนวน 10% เท่ากับพี่น้องตระกูล รวยเบน  ได้ร่วมแถลงด้วยว่า “มันเป็นการลงทุนในระยะยาว เราตื่นเต้นสำหรับอนาคตของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด”

     “เราตั้งใจที่จะนำปรัชญามามอบให้กับสโมสร เรามีจุดหมายที่ชัดเจนที่จะเปิดทางให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในระยะยาว”

     “ความทะเยอทะยานของเราไม่ต่างอะไรกับแฟนบอลคือการสานความสำเร็จอย่างต่อเนื่องให้กับทีม และเข้าแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่อย่างสม่ำเสมอ”

ทั้งนี้ หลังการเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นไปอย่างเสร็จสมบูรณ์ นอกจากกุนซือ สตีฟ บรู๊ซ ที่ส่อแววตกเก้าอี้แล้ว เชื่อว่า “สาลิกาดง” หวังเปลี่ยนตัวซีอีโอคนใหม่ให้เข้ามารับงานแทน ลี ชาร์นลีย์ ด้วยเช่นกัน