หงส์แดงพังคาบ้าน! เก็บตกหลังเกม ลิเวอร์พูล เปิดรังพ่าย ฟอเรสต์ 0-1 แพ้เกมแรกของซีซั่น

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เล่นได้ผิดฟอร์มจนสุดท้ายโดนทีเด็ดของ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมเยือนบุกมาอัดถึงถิ่น ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา

หงส์กับเจ้าป่า

แรกสุดคือผลงานซีซั่นนี้ที่แตกต่างกันชัดเจน ไม่ต้องเปลี่ยน

เมื่อในขณะที่ ลิเวอร์พูล ชนะ 3 นัดซ้อนแบบไม่เสียประตู แย่งจ่าฝูงกับ แมนฯ ซิตี้ แบบเบียดไหล่ชนไหล่ อีกทั้งก่อนเบรคทีมชาติยังโชว์ของ บุกต้อน แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงที่ 3-0 ฝั่ง ฟอเรสต์ แม้ยังไม่แพ้แต่ก็ไม่ได้โดดเด่น เสมอ บอร์นมัธ 1-1, เสมอ วูล์ฟส์ 1-1 และเพิ่งชนะเกมเดียวเหนือน้องใหม่ เซาแธมป์ตัน 1-0

ถัดมาคือระหว่างหงส์กับเจ้าป่า สถิติฟ้องว่า ลิเวอร์พูล (ที่ไม่ได้เจอ ฟอเรสต์ บ่อยครั้งนัก) ไม่แพ้ ฟอเรสต์ คาบ้านมาตั้งแต่ยุคโบราณกาล 1969 (สกอร์ 0-2) และการเจอกันซีซั่นที่แล้ว ลิเวอร์พูล ก็ชนะทั้งเหย้าเยือน 3-0 และ 1-0 ตามลำดับ

นอกจากนั้น “ที่นี่แอนฟิลด์” ซีซั่นนี้กด เบรนท์ฟอร์ด แล้ว 2-0 ซึ่งต่อเนื่องจากซีซั่นก่อน ที่ ลิเวอร์พูล แพ้คาบ้านแค่นัดเดียวเท่านั้นใน พรีเมียร์ลีก และยังแพ้แค่ 2 เกมในตลอด 29 นัดของทุกรายการ (พาเลซ, อตาลันต้า) จำแนกเป็นชนะ 24 เสมอ 3 แพ้ 2

เพราะฉะนั้น ก่อนเกมนี้ ใครก็มองว่า “หงส์มาแน่” แค่จะยิงได้กี่มากน้อย เท่านั้นเอง

 

ล้า…มั้ยนะ?

อย่างไรก็ตาม ความ “ตงิดๆ” วาบขึ้นตั้งแต่เห็นไลน์อัพ 11 คนแรกของ อาร์เน่อ สล็อต ที่ไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรทั้งสิ้นจากเกมก่อนๆ

ซึ่งจะพบว่า…

• อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เฝ้าเสาให้ บราซิล ครบถ้วน 180 นาที คัดบอลโลก 2026
• แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – เล่นครบ 180 นาทีกับ สกอตแลนด์
• เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ – เล่นครบ 180 นาทีกับ เนเธอร์แลนด์
• อิบราฮิมา โกนาเต้ – เตะ 90 นาทีเต็มนัด ฝรั่งเศส แพ้ อิตาลี 1-3
• เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ – เล่นครบ 180 นาทีกับ อังกฤษ
• อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ตัวจริงกับ อาร์เจนติน่า 1 นัด แล้วลงสำรองครึ่งชั่วโมง อีกนัด
• ไรอัน กราเฟนแบร์ก – เล่นครบ 180 นาทีกับ เนเธอร์แลนด์
• โดมินิค โซบอสซ์ไล – เล่นครบ 180 นาทีกับ ฮังการี
• หลุยส์ ดิอาซ – เล่นครบ 180 นาทีกับ โคลอมเบีย
• ดีโอโก้ โชต้า – สำรองท้ายเกม โปรตุเกส 1 นัด แล้วลงตัวจริงเต็มเกม อีกนัด
• โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – ตัวจริงให้ อียิปต์ 2 นัด นัดแรกเต็มเกม นัดสองได้เปลี่ยนออกช่วงท้าย

หรือแม้แต่สำรอง โคดี้ กัคโป กับ คอสตาส ซิมิคาส ก็เล่นทีมชาติของตัวเองมาเช่นเดียวกัน

ก็ทั้งลงสนามมาเต็มเหนี่ยว ทั้งวิ่งรอกเดินทางผ่านอากาศ ไม่ได้พักได้ผ่อนในตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

นี่อาจตีความได้รึเปล่าว่า “ความอ่อนล้า” ล้วนแทรกซึมอยู่ในตัวนักเตะหงส์แดง แม้พวกเขาจะไม่ได้ปริปากบ่นออกมาก็ตาม

 

ครึ่งแรกยังดีอยู่

กับรูปเกมช่วงแรก ต้องชมว่า ฟอเรสต์ มาดีเลยทีเดียว เล่นเกมเข้าปะทะหนัก ตัดจังหวะ คุมพื้นที่ ชิงเหลี่ยมตัดบอลได้ในจังหวะสุดท้าย จน 15 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ไม่ได้โอกาสจบจะแจ้งแม้แต่ครั้งเดียว

แต่หลังจาก น.16 ที่ หลุยส์ ดิอาซ ฉกบอลไปยิงหักข้อ ชนเสาแรกเด้งออกมาอย่างน่าเสียดายนั้น

ใครก็คงมองว่า เหลือแค่ “รอเวลา” เท่านั้นที่ ลิเวอร์พูล จะเบิกสกอร์ขยับขึ้นนำ

มัตซ์ เซลส์ โชว์ซูเปอร์เซฟปัดลูกโขกของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เอาไว้ 1 ครั้ง

และ ลิเวอร์พูล ยังใกล้เคียงอย่างยิ่งกับจังหวะนาที 39 ด้วยลูกโหม่งย้อยๆ ของ หลุยส์ ดิอาซ ที่ มัตซ์ เซลส์ รับหลุดลอดขาตัวเองไปตกหน้าประตูแล้ว แต่ลูกยังไม่ข้ามเส้นอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิว

 

วันที่ ซาลาห์ ไร้แสง

ทั้งที่ตลอดเกม ลิเวอร์พูล ก็เดินหน้าเข้าใส่ และใกล้เคียงกับประตูนำหนแล้วหนเล่า

ทุกอย่างของพวกเขา ดีกว่าทั้งหมด ทั้งครองบอล 70:30% โอกาสยิง 14:5 ยิงตรงกรอบ 5:3 หรือกระทั่งเตะมุม 7:2

ปรากฏว่าถึงนาที 72 คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ปีกที่ ฟอเรสต์ ไปสอยมาจาก เชลซี กระชากพรวดเข้าไป “ปั่นโค้งๆ” ส่งบอลผ่าน อลิสซอน เบ็คเกอร์ เข้าเสียบเสาสองพอดิบพอดี เป็นประตูนำ 1-0

และจากนั้น ลิเวอร์พูล ล้มเหลวในการทวงประตูคืน

 

 

ประเด็นคือ 3 เกมแรกที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ได้ผลที่ยอดเยี่ยม ด้วยฟอร์มระดับไร้เทียมทาน แต่ละเกมตัดเกรดได้ 9/10 บ้าง 10/10 บ้างของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

แต่วันนี้ ยอดแข้งวัย 32 ลดระดับฟอร์มการเล่นไปเหลือราวๆ 4/10 หรือ 5/10 เท่านั้น

มีทั้งจังหวะจ่ายบอลไม่เข้าเป้า ไม่ลงล็อกกับเพื่อนจนเสียจังหวะ เกมตายหรือเสียบอลไป 3-4 หน และจังหวะจบ 2-3 หน ไม่สามารถทำอันตรายผู้มาเยือนได้เลย

อาจพูดไม่ได้ว่า ลิเวอร์พูล แพ้เพราะ ซาลาห์ เล่นไม่ออก

แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้ หงส์มาผิดฟอร์มหนัก โดยเฉพาะตัวความหวังสูงสุดอย่าง ซาลาห์ นั่นเอง

 

สำรองช่วยไม่ได้

ตัวจริงเค้นไม่ออก ตัวสำรองก็บ้อท่า

คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ ลงช่วงครบชั่วโมง ไปยืนตำแหน่งแบ็กขวา และมีส่วนกับการตามปิดทาง ฮัดสัน-โอดอย ไม่อยู่ในจังหวะเสียประตู

คอสตาส ซิมิคาส ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรกับการแทน ร็อบโบ้ 15 นาทีท้าย

เคอร์ติส โจนส์ ลงไปเสริมแดนกลาง ไม่ได้สร้างอิทธิพลใด

สำคัญสุดคือ 2 กองหน้า โคดี้ กัคโป & ดาร์วิน นูนเยซ ก็ทำอะไรไม่ได้เลยกับการอยู่ในสนามราวๆ ครึ่งชั่วโมง

ชัดเจนว่าวันนี้ ตัวสำรองที่มี ไม่อาจช่วยให้ ลิเวอร์พูล พลิกเกมได้

เฟเดริโก้ เคียซ่า เห็นข่าวซ้อมดีอย่างนั้น ลั่นอย่างนี้ วันนี้ ก็ไม่มีแม้แต่ชื่อบนม้านั่งสำรอง

ส่วนตัวใหม่รายอื่นๆ วันนี้ก็ไม่มีส่วนร่วม

อ้อ ลืมไป ไม่ได้ซื้อใครอื่นแล้วนี่หว่า!

 

ฟื้นไม่ฟื้น

พลาดท่าแพ้นัดแรกไปเรียบร้อย และประเด็นก็อยู่ตรงนี้ — ลิเวอร์พูล จะฮึดขึ้นอย่างรวดเร็วให้สมฐานะได้หรือไม่

นี่คือคิวเตะที่รอพวกเขาอยู่ ก่อนเบรคทีมชาติงวดถัดไป

• 17/09 เยือน เอซี มิลาน (ชปล.)
• 21/09 เหย้า บอร์นมัธ (พรีเมียร์ลีก)
• 25/09 เหย้า เวสต์แฮม (ลีกคัพ)
• 28/09 เยือน วูล์ฟส์ (พรีเมียร์ลีก)
• 02/10 เหย้า โบโลญญ่า (ชปล.)
• 05/10 เยือน คริสตัล พาเลซ (พรีเมียร์ลีก)

ในลีก มีโปรแกรม 3 นัด ที่ดูว่าไม่น่ายากนัก กับ บอร์นมัธ, วูล์ฟส์ และ คริสตัล พาเลซ

ส่วนใน ชปล. ที่มาปีนี้ต้องใช้คำว่า “ดูกันยาว” ทุกทีมต้องเตะรอบแบ่งลีกถึง 8 นัดนั้น มีโปรแกรมรออยู่ 2 เกม เป็น “ดิ อิตาเลียน จ๊อบ” เจอ เอซี มิลาน ตามด้วย โบโลญญ่า ในสองเกมแรก

จะฟื้นไม่ฟื้น จะฟุบยาวหรือออกหน้าไหน

นี่แหละ สิ่งที่จะบอกได้ว่า อาร์เน่อ สล็อต เหมาะสมกับเก้าอี้ตัวนี้หรือไม่ประการใด