เดส์ชองส์ซิวโค้ชแห่งปี
ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส คว้ารางวัลโค้ชทีมฟุตบอลชายยอดเยี่ยม 2018 เวทีเดอะ เบสต์ ของฟีฟ่าไปครองเหนือ ซีเนดีน ซีดาน อดีตกุนซือเรอัล มาดริด ซึ่งกลายเป็นโค้ชคนแรกที่พาทีมเดียวกันคว้าแชมป์ยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ถึงสามปีติดต่อกันในฤดูกาลที่ผ่านมา และ ซลัทโก้ ดาลิช ผู้จัดการทีมชาติโครเอเชียที่พาทีมตาหมากรุกเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ในศึกรัสเซีย 2018
เดส์ชองส์ ได้กล่าวถึงรางวัลนี้ว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับ ซิซู และ ซลัทโก้ ที่เป็นยอดโค้ชเช่นกัน ผมอยากขอบคุณประธานสหพันธ์ฟุตบอลของผม ที่ให้ความไว้วางใจ ให้ผมได้ทำงานอย่างสงบ บทบาทของผู้จัดการทีมชาติหรือโค้ช มีความสำคัญ แต่เราทุกคนรู้ว่าเราจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยหากปราศจากนักเตะของเรา ผมจึงขอขอบคุณลูกทีมของผมที่ทำให้ผมได้รางวัลนี้ ผมยังอยากขอบคุณสตาฟฟ์โค้ชของผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กีย์ (สเตฟ็อง, มือขวา) ที่อยู่ในงานนี้กับผมด้วย และขอแบ่งปันความยินดีนี้ร่วมกับภรรยาและลูกชายของผม ขอบคุณทุกคน”
สรุปรางวัล The Best FIFA Football Awards 2018
–รางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยม: ลูก้า โมดริช กองกลางวัย 33 ปี สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมได้ทั้งแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก, ซูเปอร์ คัพยุโรป, ซูเปอร์ คัพสเปน, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ กับเรอัล มาดริด นอกจากนั้นยังเป็นกำลังสำคัญในการพาโครเอเชียเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนโบกมือลาทัวร์นาเมนต์ด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฟุตบอลโลก 2018
–รางวัลนักฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยม: มาร์ต้า กองหน้าวัย 32 แห่งทีมชาติบราซิล สังกัดสโมสรออร์แลนโด้ พรายด์ ในสหรัฐอเมริกา จากผลงาน 6 แอสซิสต์ กับ 13 ประตู ที่ช่วยให้ออร์แลนโด้ พรายด์ เข้าถึงรอบเพลย์ออฟ ศึกเอ็นดับเบิ้ลยูเอสแอล และเป็นกัปตันทีมหญิงของบราซิล ที่ได้แชมป์โกปา อเมริกา หญิงประจำปี 2018 ด้วย
–รางวัลโค้ชทีมฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยม: เรย์นัลด์ เปโดรส ผู้จัดการทีมหญิงของสโมสรโอลิมปิก ลียง ซึ่งพาทีมคว้าแชมป์ลีก และแชมป์ยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หญิง โดยในลีกดิวิชั่น 1 หญิงของฝรั่งเศส ฤดูกาล 2017-18 สาวลียงทำสถิติไม่แพ้เลยในการลงสนาม 22 นัด (เสมอ 1 นัด) และยิงได้ถึง 104 ประตู เสียเพียง 5 ประตู คว้าแชมป์สมัยที่ 16 ไปครองสบายๆ
-รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม: ติโบต์ กูร์กตัวส์ จากผลงานกับเชลซีและทีมชาติเบลเยียม ก่อนย้ายไปเรอัล มาดริด เมื่อปลายหน้าร้อนที่ผ่านมา
-รางวัลประตูยอดเยี่ยม (ปุสกัส อะวอร์ด): โม ซาล่าห์ ศูนย์หน้าลิเวอร์พูล จากประตูที่ทำได้ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ กับเอฟเวอร์ตัน (1-1) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2017
-รางวัลโค้ชทีมฟุตบอลชายยอดเยี่ยม : ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส จากผลงานพาทีมตราไก่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018
-รางวัลแฟน อะวอร์ด: แฟนบอลเปรูนับหมื่นคน ที่เดินทางไกลกว่า 14,000 กิโลเมตรจากบ้านเกิด เพื่อยกโขยงกันไปเชียร์ทีมชาติเปรู ในฟุตบอลโลก 2018 ตลอดรอบแรกเพื่อให้กำลังพลพรรค “บลังกีร์โรฆา” ที่เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี
-รางวัลฟีฟ่า แฟร์ เพลย์: เลนนาร์ท ธาย กองหน้าวีวีวี-เฟนโล ในลีกเอเรดิวิซี่ ของฮอลแลนด์ ซึ่งเคยแสดงความจำนงจะบริจาคดีเอ็นเอเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดในอนาคตไว้เมื่อ 7 ปีก่อนสมัยยังอยู่กับแวร์เดอร์ เบรเมน และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยซึ่งดีเอ็นเอเข้ากัน ต้องการเลือดของเขา เขาจึงได้บริจาคโลหิตเพื่อให้การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือดเกิดขึ้นได้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ธายไม่สามารถลงแข่งขันในเกมสำคัญกับพีเอสวี ไอน์ดโฮเฟ่น ได้
-รางวัลทีมยอดเยี่ยม หรือ FIFA FIFPro World XI: ดาบิด เด เคอา – ดานี่ อัลเวส, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่ – ลูก้า โมดริช, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ – เอแด็น อาซาร์, ลีโอเนล เมสซี่, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้
มุมแสดงทรรศนะ