เปิดโผ30 นักเตะเข้าชิงรางวัลบอลทองคำ
เข้าสู่ช่วงเวลาแจกรางวับเกียรติยศส่วนตัวกันแล้ว ตอนนี้ถึงคิวของ บัลลง ดอร์ หรือ ลูกบอลทองคำ ที่จัดขึ้นโดย นิตยสารฟร้องซ์ ฟุตบอล ของประเทศฝรั่งเศส และล่าสุดมีการประกาศ 30 รายชื่อนักเตะที่มีลุ้นจะได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้เรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา
ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองสตาร์ลูกหนังโลกเจ้าของ บัลลง ดอร์ คนละ 5 สมัย ยังคงมีชื่อลุ้นตามเคย ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำผลงานได้อย่างสุดยอดกับ ลิเวอร์พูล และ ลูก้า โมดริช ที่ว่ากันว่าเป็นตัวเต็งในครั้งนี้ รวมทั้ง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในโลก ก็ติดโผตามที่คาดการณ์กันเอาไว้
ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวได้รับการจัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1956 ซึ่งเซอร์ สแตนลี่ย์ แม็ทธิวส์ เป็นคนแรกที่ได้ “ลูกบอลทองคำ” ไปครอบครอง เพื่อมอบให้แก่นักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกจากผลงานในตลอดปี และในปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการมอบรางวัลให้กับนักฟุตบอลหญิง และรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ “โทรเฟ่ โกปา” ด้วย
30 รายชื่อนักฟุตบอลที่มีลุ้นรางวัลบัลลง ดอร์ ประจำปี 2018
1. แกเร็ธ เบล (เรอัล มาดริด)
ปีกทีมชาติเวลส์ ยิงประตูสุดสำคัญและสวยสดงดงาม 2 ลูกในรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 ส่งผลให้ “ราชันชุดขาว” ผงาดสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โทรฟี่ “บิ๊กเอียร์” 3 สมัยติดต่อกัน
2. เซร์คิโอ อเกวโร่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
“กุน” กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา เป็นดาวซัลโวสูงสุดทีมของกุนซือโจเซป “เป๊ป” กวาร์ดิโอล่า โดยช่วยให้พวกเขาคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ลีก คัพ (คาราบาว คัพ) เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมสถิติตะบันตาข่ายคู่แข่งไปเบาะๆ 30 ประตูจากการเล่น 39 แมตช์ แถมอีก 8 ประตูจาก 11 เกมในซีซั่นปัจจุบันด้วย
3. อลิสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล)
ผู้รักษาประตูมือ 1 ทีมชาติบราซิล ช่วยให้ทัพ “แซมบ้า” ทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2018 และนำ “หมาป่าเหลืองแดง” โรม่า ทะลุรอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนที่จะย้ายไปเฝ้าเสาให้ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 67 ล้านปอนด์ (ราว 3,015 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์นี้
4. คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด)
กองหน้าเลือดเฟร้นช์ วัย 30 ปี ยังคงเป็นนักเตะสำคัญของ เรอัล มาดริด อยู่เสมอโดยเฉพาะกับความสำเร็จของทีมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมกับยิงไป 12 ประตู และ 11 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 47 เกม
5. เอดินสัน คาวานี่ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)
กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย โชว์ฟอร์มสุดยอดซัดไป 40 ประตูจากการเล่น 48 แมตช์ให้กับแชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส ขณะเดียวกันเขายังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้กับประเทศบ้านเกิดในมหกรรมลูกหนังแห่งมวลมนุษยชาติที่รัสเซีย โดยทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย นอกจากนี้เขายิงได้ 6 ประตูจาก 8 เกมให้กับ “เปแอสเช” ในฤดูกาลนี้
6. ติโบต์ กูร์กตัวส์ (เรอัล มาดริด)
ผู้รักษาประตูทีมชาติเบลเยียม คว้ารางวัลนายทวารยอดเยี่ยม หรือ “โกลเด้น โกลบ” (ถุงมือทองคำ) ในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ดินแดนหมีขาว หลังจากนำ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” คว้าอันดับ 3 ในทัวร์นาเมนต์นี้
7. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ยูเวนตุส)
“ซีอาร์ 7” เป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวตลอดกาลของ เรอัล มาดริด และก็เพิ่งจะได้รับรางวัลบัลลง ดอร์ เมื่อปีที่ผ่านมา โดย โรนัลโด้ เพิ่งจะคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 5 ของเขา (เรอัล มาดริด 4 สมัย และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 สมัย) ก่อนจะโบกมือลาถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ไปเล่นให้ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ (ราว 4,005 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์นี้ แถมการเล่นให้ “ม้าลาย” ก็ยังแจ่มเมื่อซัดไปแล้ว 4 ประตู และ 5 แอสซิสต์ จากการเล่น 9 แมตช์ในซีซั่นนี้
8. เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม ฉายแสงยอดนักเตะในศึกฟุตบอลโลก 2018 หลังจากทำผลงานได้โดดเด่นเป็นสง่ากับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะเขาช่วยให้ต้นสังกัดเก็บ 100 คะแนนในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
9. โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ลิเวอร์พูล)
หัวหอกเลือดบราซิเลียน เป็นหัวใจสำคัญของ “หงส์แดง” เมื่อโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นให้ต้นสังกัดจนทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยในซีซั่น 2017-18 เขาตะบันไปเบาะๆ 27 ประตูและ 17 แอสซิสต์จากการเล่นให้ทีม 54 แมตช์
10. ดีเอโก้ โกดิน (แอตเลติโก มาดริด)
โกดิน เป็นกองหลังที่มีความสำคัญมากๆ สำหรับ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์แอตเลติโก มาดริด และเป็นกัปตันทีมที่นำ “ตราหมี” ผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังมีส่วนช่วยทีมชาติอุรุกวัย เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2018 แต่แพ้ให้กับ ฝรั่งเศส ซึ่งกรุยทางไปสู่แชมป์ในครั้งนี้
11. อ็องตวน กรีซมันน์ (แอตเลติโก มาดริด)
ซิเมโอเน่ เผยว่า กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้เป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกในช่วงระหว่าง 12 เดือนที่ผ่านมา และ กรีซมันน์ ก็เป็นแบบนั้นเพราะเขานำ แอต.มาดริด คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก และนำ ฝรั่งเศส ได้แชมป์โลก โดยเขายิงประตูให้ต้นสังกัดไป 29 ประตู เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา และอีก 4 ประตูให้ “ตราไก่” ในศึกฟุตบอลโลก ซึ่งรวมลูกจุดโทษนัดชิงด้วย
12. เอแด็น อาซาร์ (เชลซี)
กัปตันทีมชาติเบลเยียม นำทีมคว้าอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 และได้รางวัล ซิลเวอร์ บอล หรือ นักฟุตบอลยอดเยี่ยมอันดับสองในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว หลังจากระเบิดฟอร์มสุดยอดในเกมพบ บราซิล ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นอกจากนี้ อาซาร์ ซัดไป 17 ประตูให้ เชลซี ในฤดูกาลที่ผ่านมา และยังคงทำผลงานได้เด็ดต่อเนื่องเมื่อซัดไป 8 ลูกจาก 10 เกมในฤดูกาลนี้
13. อิสโก้ (เรอัล มาดริด)
เพลย์เมกเกอร์ชาวสแปนิช ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้กับ เรอัล มาดริด ซึ่งประสบความสำเร็จในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งล่าสุด และกลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญมากๆ ทั้งกับ “ราชันชุดขาว” รวมทั้ง สเปน ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
14. แฮร์รี่ เคน (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
ดาวซัลโวสูงสุดฟุตบอลโลก ครั้งล่าสุด โดย เคน ยิงไป 6 ประตูในการแข่งขันรอบสุดท้ายที่รัสเซีย ทำให้เขาได้รางวัลรองเท้าทองคำ หรือ โกลเด้น บูท ไปครอง ขณะเดียวกันการเล่นให้ สเปอร์ส ก็ซัดไป 41 ลูกจาก 48 เกมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เขาเป็นกองหน้าตัวเป้าที่เก่งที่สุดในโลกหรือเปล่า ?
15. เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เชลซี)
นักเตะที่แสนเรียบง่าย ถ่อมตัว ลองคิดดูถ้า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไม่ได้อยู่ในทีมชาติฝรั่งเศส เข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายที่ดินแดนหมีขาว มันคงเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นทัพ “เลส์ เบลอส์” ผงาดคว้าแชมป์โลก โดย ดาวเตะ “สิงโตน้ำเงินคราม” เหมาะสมอย่างที่สุดที่ได้มีชื่ออยู่ในกลุ่มนี้ โดยเขาเป็นเหตุผลสำคัญที่นำบ้านเกิดประสบความสำเร็จ แม้จะผิดหวังนิดหน่อยที่โดนเปลี่ยนตัวในครึ่งหลัง
16. อูโก้ โยริส (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
นายทวารกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส นำบ้านเกิดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกช่วงซัมเมอร์ เขายังคงเป็นหนึ่งในโกล์ที่เหนียวหนึบมากๆ กับการแข่งขันศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วย
17. มาริโอ มานด์ซูคิช (ยูเวนตุส)
กองหน้าทีมชาติโครเอเชีย ช่วย ยูเว่ คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะนำ “ตาหมากรุก” ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2018
18. ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล)
มาเน่ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดให้กับ ลิเวอร์พูล เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เขายิงประตูสำคัญหลายลูกช่วยให้ “เดอะ เร้ดส์” เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก
19. มาร์เซโล่ (เรอัล มาดริด)
ฟูลแบ็กทีมชาติบราซิล เป็นนักเตะสำคัญของ เรอัล มาดริด ในการนำทีมครอบครองความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังสโมสรทวีปยุโรป และยังเล่นได้อย่างโดดเด่นในเกมนัดชิงชนะเลิศที่ปราบ ลิเวอร์พูล ในกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน ด้วย
20. คิลียัน เอ็มบัปเป้ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)
กองหน้าดาวรุ่งพรสวรรค์กลายเป็นผู้เล่นที่น่าจับตามองที่สุดในโลก โดย เอ็มบัปเป้ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดที่รัสเซีย และคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนต์ที่ดินแดนหมีขาว หลังจากยิงประตูสำคัญในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
21. ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)
หากพิจารณากว้างๆ หลายคนอาจคิดว่า เมสซี่ ทำผลงานได้แย่มากในปีนี้ แต่ หัวหอกเลือดอาร์เจนไตน์ ยังคงสร้างสิ่งอัศจรรย์ให้กับต้นสังกัด เมื่อเขายิงไปเบาะๆ 45 ประตูจากการเล่นทุกรายการให้บาร์ซ่า โดย เมสซี่ ช่วย อาร์เจนตินา ทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ ฟุตบอลโลก รวมไปถึงยิงประตูสำคัญในเกมพบ ไนจีเรีย
22. ลูก้า โมดริช (เรอัล มาดริด)
คนโตตัวเล็กชาวโครแอตคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมฟีฟ่าประจำปีนี้ และตอนนี้ก็เป็นตัวเต็งที่จะคว้าบัลลง ดอร์ โดยเขาช่วยให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยซ้อน รวมไปถึงการทำผลงานเด็ดนำ โครเอเชีย ทะลุเข้าชิงกับ ฝรั่งเศส ในศึกฟุตบอลโลก 2018
23. เนย์มาร์ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)
นี่เป็นปีหายนะจากอาการบาดเจ็บหากมองในเรื่องของความสำเร็จจากต้นสังกัด แถมทีมยังทำผลงานได้น่าผิดหวังในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ยังไม่หมดแค่นั้น เนย์มาร์ ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับ บราซิล ในศึกฟุตบอลโลก 2018 อย่างไรก็ตามเขายังคงเป็นนักเตะสำคัญของ “เปแอสเช” ในฤดูกาลนี้ รวมทั้งในปีหน้าถ้าเขายังอยู่กับทีม
24. ยาน โอบลัค (แอตเลติโก มาดริด)
โอบลัค เป็นผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดในโลกใช่ไหม ? ก็อาจเป็นไปได้ เขาเป็นผู้เล่นสำคัญและเป็นผู้นำตัวจริงให้กับ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์แอต. มาดริด
25. ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ป็อกบา ทำผลงานได้อย่างสุดยอดในศึกฟุตบอลโลก 2018 โดยช่วย ฝรั่งเศส คว้าแชมป์โลกสมัยที่สองอย่างยิ่งใหญ่ แต่ฟอร์มกับสโมสรกลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังเท้า อย่างไรก็ตาม ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ยังคงเป็นแข้งสำคัญของ “ปีศาจแดง” ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นทำให้เขามีชื่อลุ้นลูกบอลทองคำด้วย
26. อีวาน ราคิติช (บาร์เซโลน่า)
ราคิติชเป็นจิ๊กซอว์สำคัญให้กับ บาร์เซโลน่า แม้บางครั้งอาจจะโดนมองข้ามไปบ้างก็ตาม โดยสตาร์เลือดโครแอต อาจจะตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของ โมดริช แต่ ราคิติช ยังคงทำผลงานได้อย่างสุดยอดให้กับต้นสังกัด และทีมชาติโครเอเชีย
27. เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด)
รามอส เป็นผู้นำในสนาม และเป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยหัวใจที่กล้าหาญ แม้ว่าเขาจะผิดหวังกับฟอร์มของตัวเองในศึกฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด แต่กับ เรอัล มาดริด การจับคู่แนวรับกับ ราฟาแอล วาราน ทำให้ “ราชันชุดขาว” แข็งแกร่ง และนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในซีซั่นที่ผ่านมา
28. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)
ซาลาห์ มีปีที่สุดยอดกับ ลิเวอร์พูล เขายิงประตูได้กระจุยกระจาย และคว้าดาวซัลโซสูงสุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูากลที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่เกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต้องถูกเปลี่ยนตัวในช่วงครึ่งแรก เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาพลาดโอกาสครอบครองบัลลง ดอร์ ในปีนี้
29. หลุยส ซัวเรซ (บาร์เซโลน่า)
แม้ว่าผลงานของ ซัวเรซ อาจจะดร็อปลงไปบ้าง แต่เขาก็ยังคงเป็นยอดนักเตะที่บาร์เซโลน่า ขาดไม่ได้ ผลงาน 31 ประตูจากการเล่นทุกรายการ ยังถือว่ายอดเยี่ยม แต่บางครั้ง กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ก็มักจะโดนมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย
30. ราฟาแอล วาราน (เรอัล มาดริด)
ต้องบอกว่านี่คือปีที่สุดเพอร์เฟกต์สำหรับ วาราน เพราะเขาประสบความสำเร็จทั้งกับสโมสรและทีมชาติฝรั่งเศส โดยนำทีมคว้าแชมแชมเปี้ยนส์ ลีก และฟุตบอลโลก ในปีเดียวกัน
มุมแสดงทรรศนะ