เรื่องเล่า 8 ปีของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” กับ “เลสเตอร์ ซิตี้” ก่อนโศกนาฏกรรม

“เราเสียใจอย่างสุดซึ้งราวกับเศษแก้วที่แตกสลายที่ต้องประกาศให้ทราบว่า ประธานสโมสรของเรา วิชัย ศรีวัฒนประภา เป็น 1 ในเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายร่วมกับเหยื่อรายอื่นๆ อีก 4 คน เมื่อช่วงหัวค่ำของวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังเฮลิคอปเตอร์ที่โดยสารได้ตกลงบริเวณนอกสนาม คิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งไม่มีผู้รอดชีวิต”

แถลงการณ์อย่างเป็นทางการเมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมาของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ผ่านทางโซเชียลทุกช่องทาง ทำให้ “ความเศร้าโศก” ในเมืองเลสเตอร์ทวีความชัดเจนว่าเวลานี้พวกเขากำลังพานพบกับความ “สูญเสีย”

“ความจริง” ที่หลายคน รวมถึงคนไทยเองก็ยังรู้ช็อกและสะเทือนใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

ครอบครัว คนรอบข้าง รวมถึงผู้คนบนโลกใบนี้มิพึงปรารถนาให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น มันเดินทางมาถึงจุดที่ทุกคน ยากที่จะทำใจยอมรับมัน

 

จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวตกที่ลานจอดรถของสนาม คิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 27 ตามเวลาประเทศไทย หลังจากที่เพิ่งนำเครื่องขึ้นออกจากสนามได้ไม่นาน หลังเกมพรีเมียร์ลีกที่เจ้าถิ่นเสมอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป 1-1 ทำให้นั่นคือเกมสุดท้ายที่ประธานสโมสรนามว่า “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ได้ชมเกมของสโมสรที่ตัวเองได้สร้างมาตลอด 8 ปีเต็มๆ

หลายคนในเมืองนี้เดินทางไปวางดอกไม้เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของ 5 ผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์นี้ และที่สำคัญ มันคือสิ่งที่บ่งบอกว่า “ความรัก” ที่พวกเขาบรรจงมอบต่อประธานสโมสรของพวกเขา มีมากขนาดไหน
ทำไมคนในเมือง “เลสเตอร์” ถึงมองคุณวิชัย ในฐานะที่ไม่ใช่แค่ประธานสโมสรฟุตบอลประจำเมือง

 

ย้อนหลังกลับไป วินาทีแรกที่กลุ่มคิงเพาเวอร์ ภายใต้หัวเรือใหญ่อย่าง วิชัย ศรีวัฒนประภา เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร ด้วยจำนวนเงิน 39 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 5,000 ล้านบาท เมื่อ 8 ปีที่แล้ว

นั่นคือสัญญาณความเปลี่ยนแปลง ที่แม้แต่คนในเมืองเลสเตอร์เอง ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะกลายมาเป็นจุดกำเนิดสำคัญ ที่ทำให้สโมสรแห่งนี้วิ่งชนกับความสำเร็จที่เหลือเชื่อในรอบ 132 ปี ที่ก่อตั้งสโมสรมา

ในปี 2016 คนในเมืองเล็กๆ เมืองนี้ ได้เฉลิมฉลองโทรฟี่แชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดครั้งประวัติศาสตร์ กับตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก  แบบชนิดที่ว่า “หักทุกปากเซียน!!!”

ทีมรองบ่อนอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ก้าวไปสอยแชมป์ลีก ด้วยการปาดหน้ายักษ์ใหญ่ทั้ง อาร์เซน่อล, สเปอร์ส, แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี ได้อย่างเหลือเชื่อ

 

ภาพของความยิ่งใหญ่ กับแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ยังคงหอมหวาน และการต่อยอด ยังคงถูกดำเนินการต่อ แม้จะยังไม่ดีพอต่อการป้องกันแชมป์ในปีถัดมา แต่ทีมสุนัขจิ้งจอกทีมนี้ ยังคงได้โลดแล่นอยู่บนลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน

“วิชัย ศรีวัฒนประภา” เป็นคนที่มีความกันเองเป็นที่ตั้ง ในเมืองเลสเตอร์เอง ก็รู้ดีว่าเขาทำอะไรที่มากกว่าการเป็นประธานสโมสรฟุตบอล เขามอบเงินเพื่อเป็นทุนให้โรงพยาบาลในเมือง ช่วยสนับสนุนเด็กท้องถิ่นในทุกโอกาสสำคัญ ที่สำคัญเขาเดินอยู่ในเมืองนี้ด้วยรอยยิ้ม และมีผู้คนเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มแบบสยาม

ต้นทุนความสำเร็จของทีม และ วิชัย ศรีวัฒนประภา ที่ถูกศาสตร์และความเร้าใจของเกมแห่งลูกหนังครอบงำ ทำให้เกิดความรักต่อเกมกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล

นั่นถูกถ่ายทอดมาถึง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง “ต๊อบ”  อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ที่ได้ร่วมเดินมาในเส้นทางเดียวกัน และ “พ่อลูกคู่นี้นี่แหละ” ที่ร่วมหนุนส่งให้ “เลสเตอร์ ซิตี้” สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ด้วยการเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรก

 

ไม่เพียงเท่านั้นเราจะเห็นได้ว่า “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ได้ทำหน้าที่อย่างชัดเจน ต่อการทำหน้าที่ที่มีคุณประโยชน์ต่อเยาวชนไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงการ “ฟ็อกซ์ ฮันท์” ที่เป็นการปูทางให้เยาวชนไทยเดินทางไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพแบบยั่งยืน และทำได้จริงซะด้วย

ส่วนรายการฟุตบอล “คิงเพาเวอร์ คัพ” ก็กำลังได้รับความสนใจจากน้องๆ เยาวชนทั่วฟ้าเมืองไทยอีกด้วย

การพัฒนาแบบนี้ คือสิ่งที่ผู้เป็นบิ๊กบอสวางไว้ให้กับคนในครอบครัวยุคต่อๆ ไป

ผมคนหนึ่งล่ะ ที่เชื่อว่าความสูญเสียต่อการจากไปของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” นับเป็นการสูญเสียของคนในวงการกีฬาที่ไม่ใช่หวังผลกำไรจากด้านธุรกิจเพียงอย่างเดียว

สโลแกนที่ว่า “พลังคนไทย” จากการต่อยอดของเขาในตอนนี้ น่าจะเป็นรากฐานที่สำคัญให้วงการฟุตบอล และวงการกีฬาไทยได้เห็นว่า คนไทยถ้าคิดจะทำอะไรด้วยความมุ่งมั่น มันจะสำเร็จและมีคนพูดถึงตลอดไป แม้ในวันที่ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม

ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว “ศรีวัฒนประภา” ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ