เวียดนามลงทุนหนักหวังไปบอลโลก
การพัฒนาฟุตบอลของเวียดนามในช่วง 5 ปีหลังถือว่าเดินหน้าพัฒนาอย่างจริงจัง แม้ผลงานในระดับเอเชียของพวกเขาอาจจะเดินทางไปได้สุดไม่ถึงคำว่า “แชมป์” ทวีป แต่ก็พอเห็นการเจริญเติบโตในแง่ของการเอาใจใส่แบบจริงจัง ของสมาคมฟุตบอลเวียดนาม ผลงานที่เหล่าขุนพลดาวทองแสดงออกมาต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองและคู่แข่งทั่วทวีปไม่ว่าจะเป็นการคว้ารองแชมป์ฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เอเชีย 2018 , คว้าอันดับ 4 ศึกฟุตบอลเอเซียนเกมส์ 2018 และ เยาวชน 20 ปี ผ่านเข้าไปชิงแชมป์โลกในปี 2017
เวียดนามวางแผนการทำงานไว้ 3 ระยะ โดยระยะสั้น เน้นผลงานในทีมชาติชุดใหญ่ เพื่อสร้างโอกาสในเรื่องของอันดับสำหรับการถูกจัดวางตามระเบียบการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ของทวีป รวมไปถึงการรักษาศรัทธาจากแฟนบอลด้วยผลงาน,การสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆรุ่นใหม่ด้วยคุณภาพการเล่นของนักเตะทีมชาติ ส่วนระดับเยาวชนนั้นเน้นการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายของเอเชียเพื่อต่อเติมประสบการณ์รวมไปถึงพัฒนาการ ด้านต่างๆ
แผนระยะกลาง เวียดนามเดินหน้าอบรมผู้ฝึกสอนเพื่อเติมคุณภาพให้แข็งแกร่งก่อนกลับไปกระจายตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างคุณภาพผู้เล่นกลับมาสู่ทีมชาติอีกครั้ง ขณะเดียวกันในทีมชาติทุกชุดจะมีการดึงเอาอดีตนักเตะระดับทีมชาติที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานร่วมกับโค้ชต่างชาติเพื่อถ่ายทอดประการณ์ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะนักเตะที่เคยเป็นตำนานหรือโค้ชที่เคยทำงานมีความสามารถสูงมาปรับองค์ความรู้เพื่อร่วมมือกันพัฒนาโครงสร้างฟุตบอลถึงรากแก้วคอนเซ็ปต์ ประสบการณ์ส่งต่อประสบการณ์
แผนระยะยาว สมาคมฟุตบอลเวียดนาม เริ่มต้นว่าจ้าง ฟิลลิปป์ ทรุสซิเยต์ ยอดโค้ชชาวฝรั่งเศส เข้ามาจัดการวางแผนการพัฒนาฟุตบอลเวียดนามอย่างจริงจัง โดยเริ่มรับงานตั้งแต่ปี 2018 อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้ เข้ามาทำงานแบบเต็มเวลาทั้งเรื่องของการวางระบบฟุตบอลในประเทศเน้นหนักไปที่แผนการพัฒนาฟุตบอลสู่อนาคต สมาคมฟุตบอลเวียดนามมีเด็กเข้ามาสู่โครงการของทีมชาติตั้งแต่ 8 ปี พร้อมเก็บรายละเอียดข้อมูลแบบจริงจังสำหรับการพัฒนาผู้เล่นแต่ละคน
นอกจาการว่าจ้าง ฟิลลิปป์ ทรุสซิเยต์ แล้ว ทางสมาคมฟุตบอลเวียดนามร่วมกับภาคเอกชนสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลชั้นดี ในฮานอย ชื่อThe Promotion Fund for Vietnamese Football Talent (PVF) ทุกอย่างทันสมัยสุดในภูมิภาคนี้ ภายในศูนย์ฝึกแห่งนี้มีสนามมาตรฐาน หญ้าจริง 4 สนาม สนามหญ้าเทียม 3 สนาม หญ้าที่ใช้ปูพื้นสนามได้รับการรับรองจากฟีฟ่า พร้อมกับมีทีมงานดูแลพื้นสนามอย่างดีซึ่งเป็นชาวต่างชาติผ่านประสบการณ์การทำงานจากประเทศสกอตแลนด์,อังกฤษ,สวีเดน,นอร์เว และ จีน ,ห้องพัก,สิ่งอำนวยความสำดวกต่างๆ
ศูนย์ฝึกแห่งนี้เพิ่มความพิเศษในการพัฒนาเยาวชนคือเครื่องมือทันสมัยต่างๆที่ดึงเข้ามาช่วยพัฒนาการของฟุตบอลเวียดนามไม่ว่าจะเป็นห้องแลบฟุตบอลที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสามารถวัดความแม่นยำด้านต่างๆ ทั้งเรื่องของการยิงประตู การให้บอล ระบบของร่างกาย ความเร็ว ฯ โดยจะมีการประมวลผลเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ นอกจากเรื่องของเครื่องมือที่ทันสมัยแล้วเรื่องของบุคคลการ ดึงเอาโค้ชต่างชาติมาคุมทีมเยาวชนชุดต่างๆ แต่มีเงื่อนไขคือทีมงานต้องเป็นชาวเวียดนามเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ซึ่งกันและกัน
ปัจจุบันในศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งนี้มีโค้ชต่างชาติรวมไปถึงนักวิทยาศาสตร์ด้านกีฬามาทำงานให้กับสมาคมฟุตบอลเวียดนามรวมๆแล้วเกือบ 30 ชีวิต สิ่งที่เวียดนามเน้นเป็นพิเศษในการว่าจ้างคือเน้นผู้ที่ประสบการณ์ ถ่ายทอดได้ แบบมีคุณภาพ เพื่อจะได้ส่งต่อโดยตรงมาสู่คนฟุตบอลของเวียดนาม โดยในอนาคตอันใกล้นี้ทางด้านเวียดนามเตรียมดำเนินการสร้างศูนย์ฝึกเพิ่มอีกแห่งที่มีลักษณะเดียวกันแบบครบวงจรที่โฮจิมินส์ ส่วนศูนย์ฝึกซ้อมเดิมแถวสนามมิดิ่ง สเตเดี้ยม ก็ยังคงทนุบำรุงดูแลเพื่อเป็นที่เพาะบ่มความสามารถนักกีฬาเวียดนาม เป้าหมายของสมาคมฟุตบอลเวียดนามที่ลงทุนสร้างอย่างสุดแรงในครั้งนี้คือฟุตบอลโลก 2030
มุมแสดงทรรศนะ