แข้งฟอร์มชวนตะลึง! 5 แข้งสุดเซอร์ไพรส์ จากศึกยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม
ฟอร์มการถล่มประตูของ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ โรเมลู ลูกากู อาจจะไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับพวกเรานักหากพิจารณาจากผลงานของพวกเขาในฤดูกาลที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับสตาร์อีกหลายรายที่ยังคงรักษาฟอร์มเก่งของตัวเองเอาไว้ได้จนถึงทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป…ใช่ อาจจะยกเว้นในกรณีของ บรูโน แฟร์นันเดส หรือ แฮร์รี เคน เอาไว้หน่อย
กระนั้น ยูโร 2020 ตลอดเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ทำให้แฟนฟุตบอลทั่วโลกได้รู้จักผู้เล่นที่พวกเราไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ ผู้เล่นที่สร้างชื่อจากผลงานที่พวกเขาทำไว้ในสนาม ผู้เล่นซึ่งจะเป็นที่รู้จักไปอีกนานแสนนาน หรืออาจจะส้มหล่นได้ย้ายทีมหลังจบศึกในครั้งนี้เลยก็เป็นได้
ลองมาดูกันว่า 5 คนที่เราหยิบมานั้น จะตรงใจกับพวกคุณแค่ไหน
1. เดนเซล ดัมฟรีส์ : เนเธอร์แลนด์
ทีมพลังหนุ่มของ แฟรงค์ เดอ บัวร์ สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่ทัวร์นาเม้นต์แรกหลังจากที่ผลงานย่ำแย่มาหลายปี โดยอดีตแข้งชาว ดัตช์ มาพร้อมกับระบบ 3-4-1-2 ที่ดูจะเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น
ระบบดังกล่าวทำให้ เดนเซล ดัมฟรีส์ วิงแบ็คของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ได้เจิดจรัสจนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของ เนเธอร์แลนด์ ด้วยพละกำลังอันเหลือล้น ความเร็ว และการเข้าทำที่น่าประทับใจ
นักเตะวัย 25 ปีรายนี้ทำประตูชัยในเกมกับ ยูเครน และมีส่วนสำคัญอย่างมากกับสามแต้มในเกมที่สองจากการทั้งเรียกจุดโทษและทำประตูเองได้อีกด้วย
เอฟเวอร์ตัน ที่เฝ้าจับมองแข้งรายนี้มากอย่างยาวนานคงเริ่มรู้ตัวแล้วว่าการจะเซ็นสัญญานำเขามายัง กูดิสัน พาร์ค จะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ดัมฟรีส์ อีกแล้ว
2. โรมัน ยาเร็มชุค : ยูเครน
นักเตะวัย 25 ปีรายนี้ทำไปแล้ว 40 ประตูในทุกรายการตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาให้กับเกนท์ ในลีก เบลเยียม และกับ ยูเครน นับตั้งแต่ติดทีมชาติเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เขาก็สังหารไปแล้ว 10 ประตูด้วยกันจากการลงเล่นไป 26 นัด (2 ประตูมากจากทัวร์นาเม้นต์นี้)
ยาเร็มชุค ประสานงานกันได้อย่างลงตัวกับ อันเดรีย ยาร์โมเลนโก กัปตันทีมของเขาและด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่เช่นนี้มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม เวสต์แฮม ซึ่งกำลังมองหากองหน้าคนใหม่อยู่จะเริ่มหันมามองที่เขาแล้ว
3. ราฟา ซิลวา : โปรตุเกส
โปรตุเกส ออกสตาร์ทรายการนี้ด้วยชัยชนะเหนือ ฮังการี 3-0 ในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม แต่อย่าให้สกอร์มาหลอกตาคุณได้เพราะกว่าที่พวกเขาจะมาได้ประตูแรกของเกมก็ต้องรอจนถึงนาทีที่ 84 นู่น
ชื่อของ โรนัลโด้ ปรากฏหราอยู่บนหน้าสื่อทุกสำนักจากการยิงคนเดียวสองประตูในเกมดังกล่าว แต่นั่นก็ไม่อาจบดบังความจริงที่ว่า ราฟา ซิลวา ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองคือคนที่ช่วยพลิกเกมตัวจริง
กองกลางของ เบนฟิกา ลงมาแอสซิสต์ประตูของ เกอร์เรโร ก่อนที่จะเรียกจุดโทษและแอสซิสต์ให้ โรนัลโด้ ยิงประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้
4. คีฟเฟอร์ มัวร์ : เวลส์
กองหน้าวัย 28 เริ่มต้นจากการเป็นผู้เล่นนอกลีก ก่อนจะได้โอกาสมาเล่นในแชมเปี้ยนชิพเมื่อไม่กี่ฤดูกาลก่อนหน้านี้ และกับ เวลส์ เขาทำไปแล้ว 6 ประตูจาก 20 เกม ซึ่งรวมถึงลูกโหม่งในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ช่วยให้ทีมคว้าแต้มแสนสำคัญมาครองได้อีกด้วย
แม้เจ้าตัวจะไม่ได้มีส่วนร่วมมากในเกมกับ ตุรกี แต่ความขยันและเวิร์คเรทของเขาในการคอยช่วยเชื่อมเกมก็ส่งผลให้เกมรุกของทีมลื่นไหลเป็นอย่างมาก
5. มิโคลา มัตวิเยนโก : ยูเครน
เขาตกเป็นข่าวกับหลายสโมสรใน พรีเมียร์ลีกในช่วงไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมาหลังจากทำผลงานได้ดีทีเดียวกับ ชัคตาร์ โดเนตสค์
ยูเครน อาจจบรอบแบ่งกลุ่มโดยที่เก็บคลีนชีตไม่ได้เลย แต่ มัตวิเยนโก เซ็นเตอร์แบ็คของทีมได้แสดงให้เห็นว่าเขามีคุณภาพที่จะก้าวขึ้นไปสู่ลีกระดับท็อปของ ยุโรป ด้วยทักษะการเปิดบอลจากแนวหลังที่แม่นยำ
นักเตะวัย 25 ปีที่สามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางและแบ็คซ้ายได้ ซึ่งความสารพัดประโยชน์นี้จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาคือกองหลังยุคใหม่โดยแท้จริง
มุมแสดงทรรศนะ