ข่าวพรีเมียร์ลีก อังกฤษข่าวฟุตบอล

แบ่งแต้มกันไป! แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านเจ๊า ลิเวอร์พูล 1-1 บิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก

ufasexygame


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม ทำให้ “หงส์แดง” หล่นจากจ่าฝูงมาอยู่อันดับที่ 3 ขณะที่ “เรือใบสีฟ้า” ห้านัดหลังสุดเก็บชัยได้เพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น หล่นไปอยู่ที่ 10 ของตาราง และนี่คือประเด็นทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเกมนัดนี้

 

1. หงส์แดง ไม่จำเป็นต้องหวั่น เรือใบ อีกต่อไป

Diogo Jota, Kevin De Bruyne

เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ทำเซอร์ไพรส์ระหว่างที่กูรูลูกหนังถกกันว่าเขาควรส่งใครลงสนามมากกว่ากันระหว่าง ดิโอโก้ โชต้า กับ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน กลายเป็นว่าขงเบ้งชาว เยอรมัน จับทั้งคู่ลงเล่นพร้อมกันในรูปแบบ 4-4-2 กลายๆ หรือ 4-2-3-1 ยาม ฟิร์มิโน เคลื่อนที่ลงต่ำประสานงานแดนกลาง

แม้จะส่งผู้เล่นแนวรุกลงสนามพร้อมกันทั้ง 4 คนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพเกมรับของ หงส์แดง ลดถอยไปเลยแม้แต่น้อยเมื่อพวกเขายืนตำแหน่งช่วยกันสอดซ้อนป้องกันได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งเกม

2. ปิดตายการเซ็ตเกมจากแดนกลางของ ซิตี้

Mohamed Salah, Ruben Dias, Rodrigo

การมีทั้ง ซาลาห์ และ ฟิร์มิโน ยืนเกะกะเส้นทางผ่านบอลตั้งแต่แดนบนทำให้พลพรรค ซิตีเซนส์ ต้องพบกับความยากลำบากในการตั้งเกมเมื่อทั้ง โรดริโก้ และ อิลคาย กุนโดกัน ถูกบังพาสซิงเลนจนแทบไม่มีบทบาทกับเกมเลย เจ้าถิ่นทำได้เพียงผ่านบอลขวางที่แนวรับไปมาจนมักลงเอยด้วยการทิ้งยาวให้ ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งไล่กวดวัดดวงที่แดนหน้า

เมื่อ โรดรี และ กุนโดกัน ไร้บทบาทส่งผลให้บอลของพวกเขาไปไม่ถึง เควิน เดอ บรอยน์ ทีเด็ดในการปั้นเกม ยิ่ง สเตอร์ลิง และ กาเบรียล เชซุส ที่เป็นเป้าหมายในการวางบอลยาวของพวกเขาไม่สามารถเก็บบอลได้ก็ทำให้ ซิตี้ แทบจะไร้พิษสงโดยสิ้นเชิง

3. ความผิดพลาดครั้งเดียวนำไปสู่การเสียประตู

Georginio Wijnaldum, Kevin De Bruyne, Rodrigo

จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของ 4-4-2 แบบคอมแพ็กต์โดย เร้ดแมชีน เมื่อ ฟิร์มิโน กับ ซาลาห์ ประจำการบังช่องทางการผ่านบอลสู่แดนกลางของ ซิตี้ คือแผงมิดฟิลด์ของพวกเขาทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ จินี ไวนัลดุม ต้องมีพื้นที่รับผิดชอบมากกว่าปกติเมื่อเทียบกับยามมีกองกลาง 3 คน

เพียงครั้งเดียวที่ลูกทีมของ คล็อปป์ ปล่อยให้ โรดรี มีพื้นที่ในการเปลี่ยนแกนจากซ้ายทแยงมุมไปขวา ช็อตต่อเนื่องที่ ไวนัลดุม ประคองเกมตรงกลางต้องรีบมาบีบพื้นที่ฝั่งซ้าย ส่งผลให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไม่อาจรักษาระยะห่างไว้ได้ทันท่วงที กลายเป็นพื้นที่ว่างให้ เควิน เดอ บรอยน์ สบโอกาสแทงให้ กาเบรียล เชซุส ในกรอบเขตโทษหลุดไปล่อเป้าเหน่งๆ

4. มาติป-โกเมซ ยังไว้วางใจได้

Raheem Sterling, Joel Matip

ท่ามกลางการขาดหายของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ ฟาบินโญ จากอาการบาดเจ็บ โชคดีไม่น้อยที่ โจเอล มาติป คัมแบ็คจากอาการเดี้ยงกลับมาประจำการในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คเคียงข้างกับ โจ โกเมซ

ทั้ง มาติป และ โกเมซ แทบไม่มีจังหวะผิดพลาดให้เห็นเลยโดยเก็บทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิง และ กาเบรียล เชซุส ได้อยู่หมัด มีเพียงช็อตเหนือความคาดหมายของ เชซุส เท่านั้นที่เด็ดขาดพอที่จะเอาชนะทำนบแนวรับของ หงส์แดง ได้

5. ทิศทางของ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้

Jurgen Klopp, Pep Guardiola

หงส์แดง หลังผ่านเกมที่ 8 ของซีซันภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ รั้งอันดับที่ 3 บนตารางคะแนนกับ 17 คะแนน ตามหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงเพียงแต้มเดียวโดยในเชิงแท็คติกยังนับว่าพวกเขารับมือกับการขาดหายของปราการหลังตัวเก่งอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้ดีแม้จะมีตัวเลือกจำกัด แต่ คล็อปป์ ต้องเจอบททดสอบอีกขั้นเมื่อต้องสูญเสีย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จากอาการบาดเจ็บไปอีกรายในเกมนี้ ขณะที่แข้งใหม่ถอดด้ามอย่าง ดิโอโก้ โชต้า นับวันยิ่งมีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรูปแบบการเล่น 4-4-2 ของนายใหญ่ชาว เยอรมัน ยังทำให้ทีมมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ เรือใบสีฟ้า ดูจะมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อได้ กาเบรียล เชซุส กลับมาจากอาการบาดเจ็บแม้ว่ายังคงไร้ เซร์คิโอ อเกวโร ดาวยิงตัวเก่งอยู่ก็ตาม โดยนับเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกันเข้าไปแล้วสำหรับ เชซุส ที่เจ้าตัวสามารถทำประตูได้ติดต่อกัน

มุมแสดงทรรศนะ