4 ประเด็นสำคัญ หลัง ปีศาจแดง เขี่ย บาร์ซ่า พ้นศึกยูโรป้าลีก

ฟุตบอล ยูโรป้า ลีก
รอบเพลย์ออฟ  นัดที่สอง
วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 1 บาร์เซโลน่า
(รวมผล 2 นัด แมนฯยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบด้วยประตูรวม 4-3)

สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ผู้ตัดสิน :  เคลม็องต์ ตูร์แป็ง (ฝรั่งเศส)

1. ระบบที่แตกต่างจากเลกแรก

เลกแรกที่ คัมป์ นู เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอริก เทน ฮาก กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ติดตั้งระบบ 4-1-4-1

กลางรับ 1 ตัวคอยเก็บกวาดเป็น กาเซมิโร่ โดยมี เฟร็ด และ เวาต์ เว็กฮอร์สต์ ยืนอยู่เหนือเขา ขณะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ เจดอน ซานโช่ ยืนริมเส้นฝั่งขวา และ ซ้าย ตามลำดับ ส่วนหอกเป้าเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด

เลกสองที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เทน ฮาก กลับมาใช้ระบบ 4-2-3-1 คู่กลางเป็นสองแข้งบราซิลเลี่ยนอย่าง เฟร็ด และ กาเซมิโร่

ขณะที่ ริมเส้นฝั่งซ้ายใช้ แรชฟฟอร์ด, ฝั่งขวาเป็น บรูโน่ โดยมี ซานโช่ ยืนตำแหน่งผู้เล่นหมายเลข 10 ส่วน เวกฮอร์สต์ กลับมายืนเป็นหอกเป้า

2. ความแตกต่างระหว่าง ครึ่งแรก และ ครึ่งหลัง

เจ้าถิ่น ปีศาจแดง ออกสตาร์ทได้น่าตื่นเต้นในช่วง 15 นาทีแรก และเกือบได้ประตูออกนำไปก่อนจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาเสียประตูแรกจากลูกจุดโทษ พวกเขาดูเสียทรงไปพอสมควร พวกเขาสร้างเกมของตัวเองไม่ได้ และเสียบอลง่ายเกินไป

ก่อนเริ่มครึ่งหลัง เทน ฮาก ไม่รอช้า เขาตัดสินใจถอด เว้าท์ เวกฮอร์สต์ ออกทันที

จริงอยู่ที่เกมที่ผ่านๆ มาเขามีประโยชน์ในบทบาท “กองหน้าตัวรับ” แต่นัดนี้ในฐานะ “กองหน้าตัวเป้า” เป็นอีกครั้งที่เขาไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับคู่แข่งได้เลย

เทน ฮาก ส่ง อันโตนี่ ลงมาแทน เวกฮอร์สต์ ในนาทีที่ 45 ปรับตำแหน่งการยืนใหม่ แต่ยังคงยืดระบบ 4-2-3-1

    อันโตนี่ ประจำการริมเส้นฝั่งขวา

ซานโช่ (จากบทบาทผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 10) ไปยืน ริมเส้นฝั่งซ้าย

บรูโน่ (จากริมเส้นฝั่งขวา) หุบเข้าไปยืนผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 10

แรชฟอร์ด (จากปีกซ้าย) ไปยืนกองหน้าตัวเป้า

ครึ่งหลังพวกเขาเล่นบอลด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น ทัศนคติที่ยอดเยี่ยม มีพลัง ตื่นตัว ก่อนจะมาได้ประตูตีเสมอเร็วจาก เฟร็ด และประตูชัยจาก อันโตนี่

นับเป็นอีกครั้งที่ เทน ฮาก แก้เกมได้ผล และก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาพลิกกลับมาชนะคู่แข่งได้

3. “ยุงที่คอยบินตามคู่แข่ง”

หน้าที่ของ เฟร็ด ในเกมนี้คือ “ก่อกวน” เฟรงกี้ เดอ ยอง กองกลางตัวเก่ง บาร์เซโลนา

ครึ่งแรกเขามีปัญหาในการรับมือกับ เฟรงกี้ เพราะดาวเตะรายนี้ เอาตัวรอดเก่ง ทักษะดี เล่นบอลเนียนตา เสียบอลยาก

อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลัง เฟร็ด “องค์ลง” กลายเป็นอีกคน เขาเป็นคนยิงตีเสมอให้ทีม เขาเคลื่อนที่ได้ดี และตามเล่นงาน เดอ ยอง ได้หลายครั้ง

โดย เอริก เทน ฮาก กุนซือ ปีศาจแดง กล่าวหลังเกมเกี่ยวกับฟอร์มของ เฟร็ด ในนัดนี้ว่า “เฟร็ด มีบทบาทสําคัญ เขาต้องหยุด เฟรงกี้ เดอ ยอง ทำตัวเหมือนยุงที่บินรอบตัวเขา (เดอ ยอง) เขาทํามันได้อย่างยอดเยี่ยม”

4. ลุ้นสี่แชมป์ 

จนถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้น “4 แชมป์” ในฤดูกาลนี้

คาราบาว คัพ – วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีคิวฟาดแข้งกับ นิวคาสเซิ่ล รอบชิงชนะเลิศ ที่สนาม เวมบลี่ย์

ยูโรปา ลีก – ตีตั๋วสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

เอฟเอ คัพ – เดินทางมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยจะลงเตะในบ้านเจอกับ เวสต์แฮม วันที่ 2 มีนาคม นี้

พรีเมียร์ลีก – ปัจจุบันรั้งอันดับ 3 ของตาราง ตามหลังจ่าฝูง อาร์เซนอล 5 แต้ม (แมนฯ ยูฯ แข่งมากกว่า 1 นัด)

พวกเขาคือทีมเดียวใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปฤดูกาลนี้ ที่มีลุ้นแชมป์ 4 รายการ