พรีวิวศึกแดงเดือด แมนยู VS ลิเวอร์พูล ที่ต้องมีผู้ชนะ

บิ๊กแมตช์ที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้วในค่ำคืนนี้ สำหรับเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัด “แดงเดือด” ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ดวลกับ ลิเวอร์พูล นี่คือเกมแห่งศักดิ์ศรีสำหรับทั้งสองทีม โดย “หงส์แดง” ต้องการชัยชนะเพื่อแซง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูง ส่วนเจ้าถิ่นอย่าง “ปีศาจแดง” ที่ร้อนแรงเหลือเกินนับตั้งแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก้าวเข้ามาคุมทัพ ก็หวังที่จะแก้แค้นให้ได้ หลังการเจอกันครั้งแรกพวกเขาบุกไปแพ้ “หงส์แดง” ที่ แอนฟิลด์ แบบหมดสภาพ 1-3 และนี่คือเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ก่อนเกมสุดมันส์แมตช์นี้

– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 7 จาก 9 นัดหลังสุด ยามเตะเกมลีกที่บ้านเจอกับ ลิเวอร์พูล โดย 2 เกมที่ไม่ชนะคือการแพ้ 0-3 เมื่อเดือนมีนาคม 2014 และเสมอ 1-1 เมื่อเดือนมกราคม 2017

– หาก ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะได้ ก็จะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 ที่พวกเขาสามารถเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในลีกได้ทั้งเกมเหย้าและเยือนภายในฤดูกาลเดียว (เกมแรกชนะ 3-1 ที่ แอนฟิลด์ เมื่อเดือนธันวาคม) โดยที่ผ่านมา “หงส์แดง” เก็บ “ปีศาจแดง” แบบไป-กลับในยุค พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกๆ ทีม

 

 

– ในยุค พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เคยบุกไปพิชิต แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด  5 ครั้ง โดยมีแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เชลซี เท่านั้นที่ทำได้มากกว่าพวกเขา (สองทีมดังกล่าวทำได้ 6 ครั้ง)

– ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครในลีกมา 9 นัดติดแล้ว (ชนะ 8 เสมอ 1) ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีสุดนับตั้งแต่ที่เคยไม่แพ้ 10 นัดติดเมื่อเดือนตุลาคม 2017

– แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งเก็บคลีนชีตได้แค่หนเดียว จาก 12 เกมลีกที่บ้านตัวเองในฤดูกาลนี้ (เกมเสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0 เมื่อเดือนพฤศจิกายน) ขณะที่ ลิเวอร์พูล คือหนึ่งในสามทีม (ร่วมกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ แมนฯ ยูไนเต็ด) ที่ทำประตูเกมเยือนได้ทุกนัด

 

 

– ลิเวอร์พูล แพ้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากการลงเตะเกมเยือนในลีก 13 นัดหลังสุด (ชนะ 9 เสมอ 3) อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ชนะมา 7 เกมคิดแล้ว ยามออกไปเยือนทีมที่อยู่ในกลุ่ม 4 อันดับแรก หรือนับตั้งแต่ตอนบุกไปเชือด เชลซี 2-1 เมื่อเดือนกันยายน 2016

5 ประเด็นที่ต้องจับตา

– โซลชา คุมทีมครบ 10 นัดในลีก

นับตั้งแต่ก้าวเข้ามานำทัพ “ปีศาจแดง” แทน โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อกลางเดือนธันวาคมปีก่อน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาทีมทำผลงานได้ดีมากๆ แม้แพ้ไปแล้วหนึ่งหนในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ถ้านับเฉพาะในเกม พรีเมียร์ลีก แล้ว โซลชา ยังแพ้ไม่เป็นจากการลงทำหน้าที่ 9 เกม แถมเป็นการคว้าชัยได้ถึง 8 ครั้ง และเกมในวันอาทิตย์นี้ ถือเป็นการคุมทีมลงเตะเกมลีกนัดที่ 10 พอดี ซึ่งก็น่าสนใจเหลือเกินว่า กุนซือหน้าทารกวัย 45 ปี จะทำได้ดีแค่ไหน

– ผีแดงจะเสียประตูหรือไม่?

 

จะชนะหรือแพ้ ถือเป็นอีกเรื่อง แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ เกมนี้ “ปีศาจแดง” จะเสียประตูหรือไม่? เพราะเกมลีก 12 นัดที่ผ่านมายามลงเตะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ฤดูกาลนี้ พวกเขาเก็บคลีนชีตได้แค่หนเดียวเท่านั้น!!! คือการเจ๊า 0-0 กับ คริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ดังนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจเหลือเกินว่า แนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด จะทำได้ดีแค่ไหน เมื่อผู้มาเยือนในเกมวันอาทิตย์นี้ คือทีมที่มีเกมรุกจัดจ้านอย่าง “หงส์แดง”
– ลุ้น ซาลาห์ ทำสถิติ

 

เวลานี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงคนสำคัญชอง ลิเวอร์พูล กระทุ้งไปแล้ว 49 ประตูในเวที พรีเมียร์ลีก ดังนั้นถ้าหากมีสกอร์ในเกมวันอาทิตย์นี้ เจ้าตัวจะกลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ถึงหลัก 50 ลูกเร็วสุดในประวัติศาสตร์ทันที จากการลงเล่นแค่ 63 เกมเท่านั้น โดยเจ้าของสถิติคนปัจจุบันคือ อลัน เชียเรอร์ ตำนานหัวหอก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ยิงครบ 50 ประตูได้ภายใน 66 เกม… แต่ถึงกระนั้น ถ้าวันอาทิตย์นี้ ซาลาห์ ยิงไม่ได้ เจ้าตัวก็ยังมีโอกาสลุ้นทุบสถิติของ เชียเรอร์ อีก 2 เกม

– อีกหนึ่งบททดสอบของจริงสำหรับ “หงส์แดง”

 

แน่นอนว่า นี่คืออีกหนึ่งเกมหนักและเป็นเกมที่สามารถชี้ได้ว่า ลิเวอร์พูล ดีพอหรือยังกับการเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ทีมเล่นไม่ได้ท็อปฟอร์มด้วย ซึ่งถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะผลการแข่งขันจากเกมนี้จะสำคัญมาก เพราะถ้าชนะ… นอกจากจะแซง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงแล้ว ยังจะได้กำลังใจเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลเลย แต่ถ้าแพ้… คงจะบั่นทอนความมั่นใจลงไปอีก และอาจจะหลุดยาวเลยด้วย แต่ถ้าได้ผลเสมอกลับออกไป ถือว่าไม่เสียหาย

– เกมสุดสำคัญของทั้งสองฝั่ง

 

ไม่ใช่แค่ ลิเวอร์พูล เท่านั้น เพราะเกมนี้มีความหมายมากๆ สำหรับ “ปีศาจแดง” เช่นกัน เพราะถ้าหากพวกเขาแพ้หรือเสมอ มีโอกาสสูงเหลือเกินที่จะถูก อาร์เซน่อล แซงขึ้นมาอยู่ที่สี่แทน เพราะ “ไอ้ปืนใหญ่” ที่ลงเตะพร้อมกัน เจองานไม่หนัก (เปิดบ้านดวล เซาธ์แฮมป์ตัน) ดังนั้นเกม “แดงเดือด” เที่ยวนี้ โซลชา คงจะเน้นเป็นพิเศษ