ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก บาร์เซโลน่า vs ลิเวอร์พูล

แมตช์หยุดโลกที่แฟนบอลรอชม…”หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เตรียมจัด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นำล่าสกอร์ เกมบุกถิ่น “โคตรทีมแห่งลีกกระทิงดุ” บาร์เซโลน่า ที่มี ลิโอเนล เมสซี่ นำทัพล่าตาข่าย ลุ้นระทึกได้ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดแรก) คืนวันพุธที่ 1 พ.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : SuperSport 3, เวลา : 02.00 น.

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)
วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2562
บาร์เซโลน่า (สเปน)   –   ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)
ถ่ายทอดสด : SuperSport 3, เวลา : 02.00 น.

สนาม : คัมป์ นู
เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์บาร์เซโลน่า พาทีมเข้ารอบตัดเชือก หลังฝ่าด่านแมนฯ ยูไนเต็ดด้วยประตูรวม 2 นัด 4-0 ก่อนชนะเลบันเต้ 1-0 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการคว้าชัย 4 นัดติด พร้อมการันตีการเป็นแชมป์ลา ลีกา ซีซั่นนี้

 

 

สภาพทีมเกมนี้บัลเบร์เด้ไม่มีปัญหาอะไรรบกวนพิ่มเติม ยกเว้นราฟินญ่าที่เดี้ยงอยู่ก่อนแล้ว

ส่วนพวกตัวหลักที่ได้พักเป็นสำรองในเกมล่าสุดทั้ง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ ลิโอเนล เมสซี่ ก็พร้อมคัมแบ็กหลังได้พักเพิ่มความสดให้กับสภาพร่างกาย

ขณะที่ หลุยส์ ซัวเรซ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อดีต 2 สตาร์หงส์แดงก็พร้อมลุยทีมเก่าเช่นกัน โดยซัวเรซประกาศไว้แล้วว่าถ้ายิงเข้าใน 2 นัดดังกล่าว พร้อมจะฉลองดีใจอย่างไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น

 

 

ด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ลิเวอร์พูล พาทีมเข้ารอบนี้หลังเอาชนะเอฟซี ปอร์โต้ ด้วยประตูรวม 6-1 ก่อนถล่มฮัดเดอร์สฟิลด์ 5-0 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการคว้าชัย 10 นัดติด

อย่างไรก็ตาม ในพรีเมียร์ลีกตกจากจ่าฝูงไปแล้ว หลังแมนฯ ซิตี้ คว้าชัยในเกมวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา

 

 

สภาพทีมเกมนี้คล็อปป์จะได้ทั้ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และฟาบินโญ่ฟิตกลับมา หลังพลาดเกมล่าสุดเพราะมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนเล็กน้อย

นอกจากนี้ โฌแอล มาติป ที่จับคู่กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ได้อย่างแข็งแกร่งมาตลอดและได้พักก็น่าจะคืนสู่ทีมด้วย

 

 

ส่วนแกนหลักรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ต่างพร้อมช่วยทีมเหมือนเดิม

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม  
 บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น – เนลสัน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องก์เล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา – อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อาร์เธอร์ – ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
 เทรนเนอร์ : เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
 เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์

 ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (ฮอลแลนด์)

เกร็ดที่น่าสนใจ
– คู่นี้เจอกันเป็นครั้งที่ 9 ในเวทียุโรป โดย 6 เกมที่ผ่านมานั้นเกิดขึ้นระหว่างปี 2001-07 ด้วยสถิติสูสี ลิเวอร์พูลชนะ 3 บาร์เซโลน่าชนะ 2 ยิงทีมละ 6 สกอร์ แต่กระนั้น ทีมหงส์แดงได้เข้ารอบตลอดทั้ง 3 ครั้งที่เจอกันแบบเหย้า-เยือน
– บาร์ซ่ามีสถิติเข้ารอบ 7 ตกรอบ 8 ในรอบรองชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก โดย 3 จาก 8 หนที่ร่วงนั้นเกิดขึ้นด้วยน้ำมือทีมอังกฤษ และชนะแค่หนเดียวเหนือเชลซีเมื่อ 2008-09
– อย่างไรก็ดี บาร์ซ่าชนะ 15 จากทั้งหมด 25 เกมน็อกเอาต์เจอทีมผู้ดี รวมถึงได้เฮทั้ง 5 หนหลัง โดยรอบตัดเชือก 2012 โดนเชลซีเขี่ยร่วงนั้นคือหนึ่งเดียวในรอบ 9 ครั้งล่าสุดที่พวกเขาต้องผิดหวัง
– บาร์ซ่าจะได้เจอทีมอังกฤษเป็นนัดที่ 5 แล้วในซีซั่นนี้ หลังจาก 4 เกมที่แล้วไม่แพ้เลย โดยเก็บ 4 แต้มจากสเปอร์ส ในรอบแบ่งกลุ่ม (4-2 เยือน, 1-1 เหย้า) และรอบที่แล้วเพิ่งผ่านแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์รวม 4-0
– นับรวมทั้งสิ้น 15 แมตช์ล่าสุดที่บู๊คู่แข่งอิงลิช ทีมอาซูลกราน่าแพ้แค่ 1 ชนะถึง 11 เลยทีเดียว
– ส่วนสถิติเปิดบ้านเจอทีมผู้ดีนั้น บาร์ซ่าชนะ 21 เสมอ 11 แพ้ 2 โดยทั้ง 2 หนดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยน้ำมือลิเวอร์พูลนั่นเอง
– บาร์ซ่าชนะทั้ง 2 เกมเหย้ารอบน็อกเอาต์ซีซั่นนี้ และไร้พ่าย 13 เกมรวดนับตั้งแต่โดนบาเยิร์น มิวนิค รัว 3-0 ในรอบรองชนะเลิศ เลกสอง ปี 2013
– นับรวมแล้วบาร์เซโลน่าไม่แพ้เกมเหย้า ชปล. 31 นัดติด เป็นสถิติสูงสุดของรายการ ซึ่งสถิตินี้นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2013 (ชนะ 28 เสมอ 3)
– บาร์ซ่าต้องการอีกเพียงประตูเดียวเพื่อทำสถิติยิงครบ 500 ใน ชปล. ซึ่งมีเพียงเรอัล มาดริด ทีมเดียวที่ทำได้ก่อนแล้ว
– นอกจากนี้ บาร์เซโลน่ายังเป็นทีมแชมป์ลีกหนึ่งเดียวที่ยังอยู่ในเส้นทาง ชปล. ซีซั่นนี้ และยังเป็นทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ใคร (ชนะ 7 เสมอ 3)
– ทีมเจ้าบุญทุ่มไร้พ่าย 22 เกมทุกรายการ (ชนะ 16 เสมอ 6) และชนะถึง 6 จาก 7 นัดหลัง ยกเว้นแมตช์บุกเจ๊าอ้วยส์ก้า 0-0 ที่พวกเขาพักตัวหลักเกินครึ่งทีม อีกทั้งยังเป็นเกมเดียวในรอบ 15 นัดที่พวกเขาส่องตาข่ายไม่ได้
– เฉพาะในรังคัมป์ นู บาร์ซ่าชนะ 8 เกมรวด และแพ้เพียงหนเดียวตลอดทั้งฤดูกาล ด้วยน้ำมือเรอัล เบติส (3-4) เมื่อเดือน พ.ย.
– ด้านลิเวอร์พูลทำสถิติผ่านเข้ารอบได้ตลอด 10 ครั้งล่าสุดในเกมน็อกเอาต์เหย้า-เยือน ครั้งสุดท้ายที่ร่วงคือตอนแพ้จุดโทษเบซิคตัส ในรอบ 32 ทีม ยูโรปา ลีก ซีซั่น 2014-15
– กระนั้น ลิเวอร์พูลชนะทีมสเปนเพียงหนเดียวเท่านั้นจาก 8 เกมล่าสุด (เสมอ 2 แพ้ 5) ซึ่งก็คือแมตช์เปิดรังชนะบียาร์เรอัล 3-0 ในยูโรปา ลีก รอบตัดเชือก เลกสอง เมื่อ 2016
– หงส์แดงแพ้ถึง 5 จาก 12 เกมยุโรปล่าสุด โดยทั้งหมดนั้นเป็นเกมเยือน แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่แพ้เลยตลอด 5 นัดหลัง (ชนะ 4 เสมอ 1)
– ลิเวอร์พูลไม่แพ้ใครมา 19 เกมรวดทุกรายการ (ชนะ 14 เสมอ 5) หรือนับตั้งแต่โดนวูล์ฟแฮมป์ตันเขี่ยตกรอบ 3 เอฟเอ เมื่อต้นปี
– ลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคว้าชัยมาแล้ว 10 เกมติดต่อกัน
– เฉพาะเกมเยือน ลิเวอร์พูลไม่แพ้ 9 นัดติด (ชนะ 6 เสมอ 3) โดยได้เฮ 5 หนรวด นับรวมแล้วพวกเขาแพ้นอกบ้านไป 5 ครั้งตลอดฤดูกาลนี้
– หลุยส์ ซัวเรซ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ต่างก็ย้ายจากลิเวอร์พูลมาร่วมทีมบาร์เซโลน่าในปี 2014 และ 2018 ตามลำดับ
– ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมบาร์ซ่าระเบิดตาข่ายไป 24 จาก 32 แมตช์ที่เจอคู่แข่งอังกฤษ เป็นสถิติมากกว่าทีมจากชาติอื่นๆ
– ซาดิโอ มาเน่ ยิงไป 11 จาก 12 เกมล่าสุดให้หงส์แดง นับรวมผลงานเบิ้ลตาข่ายเกมล่าสุดที่ถล่มฮัดเดอร์สฟิลด์ 5-0
– ในนัดเดียวกัน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงได้ 2 เม็ดอีกคน ส่งให้ขึ้นนำดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 21 ประตู มากกว่ามาเน่ 1 สกอร์