ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (นัดชิงชนะเลิศ) : สเปอร์ส – ลิเวอร์พูล
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลุ้นคว้าถ้วยหูช้างเป็นสมัยที่ 6 โดยมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นำแผงหน้าล่าตาข่าย เกมพบ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ที่หวัง แฮร์รี่ เคน ดาวยิงตัวเก่งฟิตสมบูรณ์ลงสนามตัวจริง ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (นัดชิงชนะเลิศ) คืนวันเสาร์ที่ 1 มิ.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : SuperSport 3, เวลา : 02.00 น.
ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (นัดชิงชนะเลิศ)
วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2562
สเปอร์ส – ลิเวอร์พูล
ถ่ายทอดสด : SuperSport 3, เวลา : 02.00 น.
สนาม : ว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน่, มาดริด, สเปน (สนามกลาง)
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์สเปอร์ส พาทีมเข้าชิงด้วยกฎประตูทีมเยือน หลัง 2 นัดเสมออาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 3-3 ก่อนเสมอเอฟเวอร์ตัน 2-2 ในเกมส่งท้ายซีซั่น
”พอช” พา 26 ลูกทีมบินไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่มาดริดตั้งแต่เมื่อวันพุธ แบ่งเป็น 23 แข้งทีมชุดใหญ่ที่ลงทะเบียนไว้ บวก 3 ดาวรุ่งอย่าง โอลิเวอร์ สคิพพ์, แอลฟี่ ไวท์แมน และ จอร์จ มาร์ช
ความพร้อมเกมนี้ บรรดาแกนหลักที่ไม่สมบูรณ์ก่อนหน้านี้ ต่างกลับมาฟิตสมบูรณ์กันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แฮร์รี่ เคน (ข้อเท้า), แยน แฟร์ต็องเก้น (ข้อเท้า), แฮร์รี่ วิงค์ส (โคนขาหนีบ) และ ดาวินซอน ซานเชซ (ต้นขา) ซึ่งคาดว่าแฟร์ต็องเก้นจะกลับมาเป็นตัวจริงทันที
แต่ในรายของเคนอยู่ที่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายของ ”พอช” ว่าจะให้ออกสตาร์ตเลยหรือเป็นทีเด็ดบนม้านั่งสำรองไปก่อน ส่วนวิงค์สก็มีลุ้นเบียด วิคเตอร์ วานยาม่า ลงตัวจริงเช่นกัน
คาดว่ากุนซือไก่เดือยทองน่าจะยึดทีมจากเกมรอบตัดเชือก นัด 2 ที่บุกไปเชือดอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 3-2 แบบสุดดราม่าเป็นหลักต่อไป
นำโดย โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, มุสซ่า ซิสโซโก้, คริสเตียน เอริคเซ่น, ซน ฮึง-มิน และ ลูคัส มูร่า แฮตทริกฮีโร่จากเกมดังกล่าว
ฟาก เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ลิเวอร์พูล พาทีมเข้าชิงหลังพลิกสถานการณ์ถล่มบาร์เซโลน่า 4-0 ในรอบตัดเชือก นัด 2 ทำให้ชนะด้วยประตูรวม 4-3 ก่อนชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 ในเกมปิดซีซั่น
สำหรับลิเวอร์พูลมีผลงานที่ยอดเยี่ยมมากในเกมถ้วยใหญ่ยุโรป เพราะเข้าชิง 2 สมัยติดต่อกันแล้ว
ก่อนทำศึกนี้ทัพหงส์ได้มาเก็บตัวที่มาร์เบย่า ประเทศสเปน เป็นเวลาหลายวัน ก่อนจะกลับมาอังกฤษอีกครั้ง เพื่อเดินทางต่อไปยังมาดริดในวันนี้พักเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น
ส่วนสภาพทีมเกมนี้ คล็อปป์ยืนยันแล้วว่า นาบี เกอิต้า กองกลางกินีที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขามาตั้งแต่เกมรอบรองฯ นัดแรกที่แพ้บาร์เซโลน่า 0-3 ชวดแน่นอน
แต่ในรายของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่เจ็บกล้ามเนื้อเช่นกันและพลาด 3 เกมหลังสุด อาการดีขึ้นเป็นลำดับและมีลุ้นเบียด ดิว็อค โอริกี้ กลับมาออกสตาร์ตตามปกติ
นอกจากนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมจัดเต็มเหมือนเดิม นำโดยแกนหลักอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง
สเปอร์ส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส – คีแรน ทริปเปียร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ต็องเก้น, แดนนี่ โรส – มุสซ่า ซิสโซโก้, วิคเตอร์ วานยาม่า (แฮร์รี่ วิงค์ส) – คริสเตียน เอริคเซ่น, เดเล่ อัลลี่, ซน ฮึง-มิน – ลูคัส มูร่า
เทรนเนอร์ : เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์
ผู้ตัดสิน : ดาเมียร์ สโคมิน่า (สโลวาเกีย)
ผลการพบกันที่ผ่านมา
วันเดือน/ปี รายการ ผลการแข่งขัน
31/03/19 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-1สเปอร์ส
15/09/18 พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 1-2ลิเวอร์พูล
04/02/18 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-2สเปอร์ส
22/10/17 พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 4-1ลิเวอร์พูล
12/02/17 พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0สเปอร์ส
26/10/16 ลีก คัพ ลิเวอร์พูล 2-1สเปอร์ส
27/08/16 พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 1-1ลิเวอร์พูล
ผลงานในรอบที่ผ่านมา
สเปอร์ส
รอบแบ่งกลุ่ม
17/09/18 แพ้ อินเตอร์ 1-2 (เยือน)
03/10/18 แพ้ บาร์เซโลน่า 2-4 (เหย้า)
23/10/18 เสมอ พีเอสวี 2-2 (เยือน)
06/11/18 ชนะ พีเอสวี 2-1 (เหย้า)
28/11/18 ชนะ อินเตอร์ 1-0 (เหย้า)
11/12/18 เสมอ บาร์เซโลน่า 1-1 (เยือน)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
13/02/19 ชนะ ดอร์ทมุนด์ 3-0 (เหย้า)
05/03/19 ชนะ ดอร์ทมุนด์ 1-0 (เยือน)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
09/04/19 ชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 (เหย้า)
17/04/19 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 3-4 (เยือน)
รอบรองชนะเลิศ
30/04/19 แพ้ อาแจ็กซ์ 0-1 (เหย้า)
08/05/19 ชนะ อาแจ็กซ์ 3-2 (เยือน)
ลิเวอร์พูล
18/09/18 ชนะ เปแอสเช 3-2 (เหย้า)
03/10/18 แพ้ นาโปลี 0-1 (เยือน)
24/10/18 ชนะ เซอร์เวน่า ซเวซด้า 4-0 (เหย้า)
06/11/18 แพ้ เซอร์เวน่า ซเวซด้า 0-2 (เยือน)
28/11/18 แพ้ เปแอสเช 1-2 (เยือน)
12/12/18 ชนะ นาโปลี 1-0 (เหย้า)
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
19/02/19 เสมอ บาเยิร์น มิวนิค 0-0 (เหย้า)
13/04/19 ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 3-1 (เยือน)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
09/04/19 ชนะ ปอร์โต้ 2-0 (เหย้า)
18/04/19 ชนะ ปอร์โต้ 4-1 (เยือน)
รอบรองชนะเลิศ
01/05/19 แพ้ บาร์เซโลน่า 0-3 (เยือน)
07/05/19 ชนะ บาร์เซโลน่า 4-0 (เหย้า)
ผลงาน 5 นัดหลัง
สเปอร์ส
12/05/19 เสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
08/05/19 ชนะ อาแจ็กซ์ 2-3 (เยือน) ชปล.
04/05/19 แพ้ บอร์นมัธ 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
30/04/19 แพ้ อาแจ็กซ์ 0-1 (เหย้า) ชปล.
27/04/19 แพ้ เวสต์แฮม 0-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
ลิเวอร์พูล
12/05/19 ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
03/05/19 ชนะ บาร์เซโลน่า 4-0 (เหย้า) ชปล.
05/05/19 ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
01/05/19 แพ้ บาร์เซโลน่า 0-3 (เยือน) ชปล.
26/04/19 ชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 5-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
เกร็ดเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– ลิเวอร์พูลกำลังมองหาโทรฟี่บิ๊กเอียร์ครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์ และครั้งที่ 2 ในชื่อยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
– สเปอร์สเพิ่งผ่านเข้าชิงถ้วยใหญ่ยุโรปครั้งแรกสุด ผลงานดีสุดก่อนหน้านี้คือรอบตัดเชือกยูโรเปี้ยน คัพ ซีซั่น 1961-62 ส่วนในชื่อยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาไกลสุดรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซีซั่น 2010-11
– นี่คือครั้งที่ 7 สำหรับนัดชิงดำแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สองสโมสรชาติเดียวกันโคจรมาพบกันเอง เรอัล มาดริด อัด บาเลนเซีย (2000) และชนะ แอต.มาดริด (2014 กับ 2016), เอซี มิลาน ดวลเป้าชนะ ยูเวนตุส (2003), บาเยิร์น มิวนิค ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (2013) และแมนฯ ยูไนเต็ด เฉือนจุดโทษ เชลซี (2008) ที่มอสโก
– สเปอร์ส ทำให้สโมสรอังกฤษผ่านเข้าชิงถ้วยบิ๊กเอียร์มากสุด (8) รองมาเป็น อิตาลี กับเยอรมัน ชาติละ 6 ทีม
– นี่คือครั้งที่ 5 ซึ่งนัดชิงเจ้ายุโรปจัดในกรุงมาดริด ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้จัด ณ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว (1957, 1969, 1980 และ 2010) และเป็นครั้งที่ 8 ซึ่งจัดในประเทศสเปน
– คู่นี้เจอกันในเวทียุโรปหนเดียว ศึกยูฟ่า คัพ (เดิม) รอบรองชนะเลิศ ที่ลิเวอร์พูลเข้าชิงด้วยกฎประตูทีมเยือนหลังรวมผลสองนัดเสมอ 2-2 เกมแรก อเล็ค ลินด์เซย์ ยิงประตูโทนนำชัยให้ลิเวอร์พูล ก่อน สตีฟ ไฮเวย์ ยิงอะเวย์โกลสำคัญ ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน ซึ่ง มาร์ติน ปีเตอร์ส เหมาทั้ง 2 ตุงให้เจ้าถิ่น แต่ไม่ดีพอ ทัพหงส์แดงคว้าแชมป์ในบั้นปลาย
– คู่นี้เคยเจอกันนัดชิงชนะเลิศ ลีก คัพ ปี 1982 ซึ่งลิเวอร์พูลโดนสเปอร์สยิงนำก่อนจาก สตีฟ อาร์ชิบัลด์ กลับมารัว 3 ประตูรวดจาก รอนนี่ วีแลน (2) และ เอียน รัช คว้าแชมป์ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
– คู่นี้เจอกันทุกรายการทั้งหมด 170 ครั้ง ลิเวอร์พูล ชนะ 79 เสมอ 43 สเปอร์ส ชนะ 48
– ลิเวอร์พูลชนะ 9 เสมอ 4 แพ้หนเดียวในการเจอสเปอร์สหลังสุด นับตั้งแต่ปี 2013
สเปอร์ส
– เป็นทีมที่ 40 ซึ่งเข้าชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ และเป็นน้องใหม่ทีมแรกตั้งแต่ เชลซี ปี 2008
– ลุ้นเป็นทีมที่ 23 ซึ่งครองเจ้ายุโรป และน้องใหม่ทีมแรกที่ได้ชูโทรฟี่นับจากเชลซี ปี 2012
– เป็นทีมอังกฤษแรกสุดที่คว้าถ้วยยุโรป หลังชนะ แอต.มาดริด 5-1 ศึกคัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1963 และเคยดวลเป้าดับ อันเดอร์เลชท์ 4-2 คว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ (เดิม) ปี 1984
– เคยแพ้นัดชิงบอลยุโรปหนเดียวต่อ เฟเยนูร์ด ด้วยสกอร์รวม 4-2 ศึกยูฟ่า คัพ (เดิม) ซีซั่น 1973-74
– ลุ้นเป็นเพียงสโมสรที่ 6 ถัดจาก ยูเวนตุส, อาแจ็กซ์, บาเยิร์น, เชลซี และแมนฯ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ยุโรปครบทั้ง 3 รายการ (คัพ วินเนอร์ส คัพ ยุบทัวร์นาเมนต์ไปแล้ว)
– โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ เป็นหนึ่งในสมาชิก แอต.มาดริด ชุดต่อเวลาพิเศษแพ้ เรอัล มาดริด 1-4 นัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2014
– เฟร์นานโด ยอเรนเต้ เป็นหนึ่งในสมาชิกยูเวนตุส ชุดแพ้บาเยิร์น 1-3 นัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2015
– ดาวินซอน ซานเชซ เป็นหนึ่งในสมาชิกอาแจ็กซ์ ชุดแพ้แมนฯ ยูไนเต็ด 0-2 นัดชิงยูโรปา ลีก ปี 2017
– เสมอ 2 แพ้ 1 ใน 3 เกมเตะที่มาดริด ซึ่งเป็นการพบเรอัล มาดริด ทั้งหมด
– ไม่เคยชนะใน 6 เกมเตะในประเทศสเปน (เสมอ 3 แพ้ 3)
– ชนะ 4 จาก 8 เกมสโมสรยุโรปที่พบทีมจากอังกฤษด้วยกัน (เสมอ 1 แพ้ 3)
– สถิติดวลจุดโทษเกมยุโรปชนะ 1 (รอบชิงฯ ยูฟ่า คัพ 1984 อันเดอร์เลชท์ 4-3) แพ้ 2 (รอบ 16 ทีม ยูฟ่า คัพ 2007-08 พีเอสวี 5-6, ยูโรปา ลีก รอบ 8 ทีม 2012-13 บาเซิ่ล 1-4)
– สถิติแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ แข่ง 12 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 4 ยิง 20 เสีย 17 คลีนชีต 4
ลิเวอร์พูล
– คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ / ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 จากเข้าชิงทั้งหมด 8 ครั้ง
– นี่คือครั้งที่ 3 ที่เข้าชิงเจ้ายุโรป 2 ฤดูกาลติดต่อกัน (1977 กับ 1978, 1984 กับ 1985, 2018 กับปีนี้) มีแค่ยูเวนตุส (1997 กับ 1998) และบาเลนเซีย (2000 กับ 2001) ที่อกหักทั้งสองปีที่เข้าชิง
– นี่คือการเข้าชิงเกมสโมสรยุโรปครั้งที่ 21 ยูโรเปี้ยน คัพ / ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (8), ยูฟ่า คัพ / ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (4), ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ (5), คัพ วินเนอร์ส คัพ (1), สโมสรโลก (2) สถิติชนะ 11 แพ้ 9
– มีเพียง อลีสซง เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ่, เซอร์ดาน ชากิรี่ กับ นาบี เกอิต้า รวมถึงสองแข้งปล่อยยืมอย่าง ดิว็อค โอริกี้ (โวล์ฟสบวร์ก) กับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ (เวสต์บรอมวิช) ซึ่งไม่อยู่ในทีมชุดแพ้ เรอัล มาดริด นัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว
– ถ้า ซาดิโอ มาเน่ ยิงประตูนัดนี้ได้จะเป็นนักเตะรายที่ 8 ซึ่งยิงประตูนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่า 1 นัด
ถัดจาก แกเร็ธ เบล, ซามูเอล เอโต้, ลิโอเนล เมสซี่, เซร์คิโอ รามอส, ราอูล กอนซาเลซ, มาริโอ มานด์ซูคิช และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หนึ่งเดียวที่พังตาข่ายนัดชิงเจ้ายุโรป 3 นัด
– ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 ในเกมเตะที่ มาดริด สองหนหลังสุดแพ้ แอต.มาดริด 0-1 ยูโรปา ลีก รอบตัดเชือก ซีซั่น 2009-10 กับแพ้ เรอัล มาดริด 0-1 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซีซั่น 2014-15
– แพ้ 4 จาก 5 เกมหลังสุดที่เตะในประเทศสเปน สถิติรวม ชนะ 7 เสมอ 5 แพ้ 6
– ไร้พ่ายใน 5 เกมถ้วยใหญ่ยุโรปหลังสุดที่เจอทีมจากอังกฤษด้วยกันเอง (ชนะ 3 เสมอ 2) สถิติรวมเจอทีมชาติเดียวกัน 20 นัด ชนะ 7 เสมอ 8 แพ้ 5
– แพ้ 6 จาก 14 เกมหลังสุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นการปราชัยนอกแผ่นดินผู้ดีทั้งหมด
– ทว่าเฉพาะ 7 เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ล่าสุด มีออกไปแพ้ บาร์เซโลน่า นัดเดียว (ชนะ 5 เสมอ 1)
– สถิติดวลจุดโทษเกมยุโรป ชนะ 3 (นัดชิงยูโรเปี้ยน คัพ 1984 โรม่า 4-2, นัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก 2005 เอซี มิลาน 3-2, ตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีก 20006-07 เชลซี 4-1) แพ้ 1 (รอบ 32 ทีม ยูโรปา ลีก 2014-15 เบซิคตัส 4-5)
– สถิติแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ แข่ง 12 ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 4 ยิง 22 เสีย 12 คลีนชีต 5
มุมแสดงทรรศนะ