สรุป16ทีมลุยรอบน็อกเอาต์แชมเปี้ยนส์ลีก
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ประจำฤดูกาล 2020/21 โดยที่แชมป์เก่า 13 สมัยอย่าง เรอัล มาดริด คว้าตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ถึงแม้ต้องลุ้นระทึกยันเกมสุดท้ายที่เตะเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ตาม ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสี่สโมสรจากอังกฤษที่ไม่ได้ไปต่อ ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค แชมป์เก่าจากซีซั่นที่แล้ว ได้เข้าไปลุ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์แบบสบายๆ และนี่คือบทสรุป 16 ทีมที่ได้ลุยต่อในรอบน็อกเอาต์ รวมถึงอีก 8 ทีมที่ต้องลงไปโชว์เพลงแข้งในรอบ 32 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก
– บาเยิร์น มิวนิค (แชมป์กลุ่ม เอ)
ทีมแชมป์เก่าภายใต้การนำทัพของกุนซือ ฮันซี่ ฟลิค ยังคงแข็งแกร่งและดุดันกว่าใครเพื่อน โดยตบเท้าเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ได้แบบสบายๆ ด้วยสถิติชนะ 5 เสมอ 1 พร้อมกับเป็นทีมที่ทำประตูได้มากสุดในรอบแบ่งกลุ่มด้วย (18 ประตู)
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 1
– แอตเลติโก มาดริด (รองแชมป์กลุ่ม เอ)
อาจต้องลุ้นเหนื่อย แต่สุดท้าย “ตราหมี” ของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ก็ได้ไปต่อพร้อมๆ กับ “เสือใต้” หลังคว้าชัยได้ในเกมชี้ชะตาที่บุกสอย เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 2-0 เมื่อคืนที่ผ่านมา
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 5
– เรอัล มาดริด (แชมป์กลุ่ม บี)
เป็นซีซั่นที่แฟนๆ “ราชันชุดขาว” ต้องลุ้นกันเหนื่อยเลยทีเดียว เพราะต้องดูยันเกมสุดท้าย และชัยชนะเหนือ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 2-0 เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาพุ่งจากอันดับสาม ขึ้นมาเป็นแชมป์กลุ่ม พร้อมคว้าตั๋วลุยรอบน็อกเอาต์ได้สำเร็จ
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 3
– โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค (รองแชมป์กลุ่ม บี)
ถึงแม้บุกไปพ่าย เรอัล มาดริด 0-2 แต่สุดท้ายทัพ “สิงห์หนุ่ม” ก็ได้เฮ และเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ตาม “ราชันชุดขาว” ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เพราะผลการแข่งขันอีกคู่ดันออกมาเป็นใจ ด้วยการที่ อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านเจ๊า ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 0-0 (กลัดบัค มี 8 แต้มเท่ากับ ชัคตาร์ แต่พวกเขามีสถิติ “เฮด-ทู-เฮด” ดีกว่ายอดทีมจากยูเครน ส่วน อินเตอร์ รั้งบ๊วย)
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 53
– แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (แชมป์กลุ่ม ซี)
ทีม “เรือใบสีฟ้า” ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำผลงานได้เหนือชั้นสมราคาทีมเต็งแชมป์ของกลุ่ม โดยพวกเขาคว้าตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์ได้แบบสบายๆ ด้วยสถิติชนะ 5 เสมอ 1 แถมตลอด 6 เกม เสียประตูแค่ลูกเดียวเท่านั้น!!!
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 6
– ปอร์โต้ (รองแชมป์กลุ่ม ซี)
ยักษ์ใหญ่จากแดนฝอยทองทำผลงานได้ดีเกินคาดในซีซั่นนี้ หลังการันตีเข้ารอบได้ตั้งแต่ก่อนถึงเกมสุดท้าย แถมเกมส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่มเมื่อคืน ยังโชว์แกร่ง บุกไปสอย โอลิมเปียกอส 2-0 ด้วย
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 16
– ลิเวอร์พูล (แชมป์กลุ่ม ดี)
ทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก และแชมป์เก่ารายการนี้เมื่อปี 2019 ไม่มีปัญหากับการเข้ารอบ แถมคว้าแชมป์กลุ่มได้แบบสบายๆ ด้วยการมี 13 แต้ม จาก 6 นัด แม้เกมวีกสี่ พลาดท่าแพ้ อตาลันต้า คาบ้าน 0-2 ทำให้ถูกชะลอการเข้ารอบก็ตาม
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 10
– อตาลันต้า (รองแชมป์กลุ่ม ดี)
อตาลันต้า เข้ารอบตามหลัง “หงส์แดง” ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม หลังบุกไปปราบ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 ในแมตช์ชี้ชะตาเมื่้อคืนที่ผ่านมา ถือเป็นซีซั่นที่สองติดต่อกันที่ทีมของกุนซือ จานปิเอโร่ กาสเปรินี่ เข้ารอบน็อกเอาต์ (ซีซั่นที่แล้วแพ้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-2 ในเกมรอบก่อนรองฯ)
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 30
– เชลซี (แชมป์กลุ่ม อี)
“สิงห์บลูส์” ของกุนซือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทำผลงานได้สุดแจ่ม โดยคว้าแชมป์กลุ่มด้วยสถิติไร้พ่าย (ชนะ 4 เสมอ 2) แถมเสียประตูแค่ 2 ลูกเท่านั้น ถือเป็นซีซั่นที่ เชลซี มาดีเลยทีเดียว
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 14
– เซบีย่า (รองแชมป์กลุ่ม อี)
ทีมดังแห่งแคว้นอันดาลูเซีย หมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เนื่องจากซีซั่นนี้พวกเขาคว้าตั๋วลุยรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ แถมมีผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วย (ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1) หากไม่นับเกมวีกห้า ที่แพ้ เชลซี คาบ้าน 0-4
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 9
– โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (แชมป์กลุ่ม เอฟ)
เปิดหัวนัดแรกด้วยการออกไปแพ้ ลาซิโอ 1-3 แต่หลังจากนั้น “เสือเหลือง” ก็เครื่องติด เดินหน้าคว้าชัยชนะได้ 4 จาก 5 เกม (เสมอ 1) คว้าแชมป์กลุ่มไปแบบหล่อๆ ขณะที่ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ กองหน้าตัวความหวัง ก็นำดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ที่จำนวน 6 ประตู ร่วมกับ เนย์มาร์ (เปแอสเช), อัลบาโร่ โมราต้า (ยูเวนตุส) และ มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 13
– ลาซิโอ (รองแชมป์กลุ่ม เอฟ)
ถึงแม้มีสถิติไร้พ่าย (ชนะ 2 เสมอ 4) แต่ทีม “อินทรีฟ้า-ขาว” ของกุนซือ ซิโมเน่ อินซากี้ ต้องลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์แบบใจหายใจคว่ำในแมตช์สุดท้าย ที่เปิดบ้านเสมอ คลับ บรูช 2-2 เมื่อคืนวันอังคาร
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 37
– ยูเวนตุส (แชมป์กลุ่ม จี)
ยอดทีมจากเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี พลิกสถานการณ์กลายเป็นแชมป์กลุ่ม หลังบุกไปถล่ม บาร์เซโลน่า 3-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (ทั้งสองมี 15 แต้มเท่ากัน แต่ ยูเว่ มีสถิติ “เฮด-ทู-เฮด” ดีกว่า บาร์ซ่า) ส่วนการเจอกับ เฟเรนช์วารอส และ ดินาโม เคียฟ พวกเขาก็เก็บชัยได้แบบทั้งไป-กลับ
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 4
– บาร์เซโลน่า (รองแชมป์กลุ่ม จี)
ต่อให้มีผลงานแย่ในลีก แต่ บาร์ซ่า ยังคงไปได้สวยในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยคว้าตั๋วลุยรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แบบสบายๆ ด้วยสถิติชนะ 5 แพ้ 1 เหมือนกับ ยูเวนตุส แต่น่าเสียดายตรงที่สุดท้ายได้แค่รองแชมป์กลุ่ม เพราะดันแพ้เละคาบ้านต่อ “ม้าลาย” ในเกมเมื่อวันอังคาร
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 2
– ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (แชมป์กลุ่ม เอช)
ชัยชนะ 5-1 เหนือ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้พวกเขามี 12 คะแนนเท่ากับ แอร์เบ ไลป์ซิก แต่ เปแอสเช มี “เฮด-ทู-เฮด” เหนือกว่าทีมดังจากเมืองเบียร์ ทำให้พวกเขาเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม และได้ไปลุ้นต่อกับการไล่ล่าแชมป์ยุโรปสมัยแรก หลังจากที่ผิดหวังในเกมรอบชิงฯ (แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-1) เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 7
– แอร์เบ ไลป์ซิก (รองแชมป์กลุ่ม เอช)
ฤดูกาลที่แล้วไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ มาฤดูกาลนี้พวกเขาก็สามารถคว้าตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ด้วยชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดมันส์ 3-2 ในแมตช์สุดท้าย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ ไลป์ซิก ของกุนซือหนุ่ม ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ยังคงเป็นทีมที่ไม่อาจมองข้ามได้
ยูฟ่า แรงกิ้ง : 21
สรุป 8 ทีมที่ลงไปลุยต่อในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นทีมที่จบอันดับสามของแต่ละกลุ่ม
– เร้ดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก (กลุ่ม เอ)
– ชัคตาร์ โดเน็ตส์ (กลุ่ม บี)
– โอลิมเปียกอส (กลุ่ม ซี)
– อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (กลุ่ม ดี)
– เอฟซี คราสโนดาร์ (กลุ่ม อี)
– คลับ บรูช (กลุ่ม เอฟ)
– ดินาโม เคียฟ (กลุ่ม จี)
– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (กลุ่ม เอช)
สำหรับการจับสลากประกบคู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึงรอบ 32 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก จะมีขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของ ยูฟ่า ณ เมืองนียง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคมนี้ โดยเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก จะฟาดแข้งในวันที่ 16-17 และ 23-24 กุมภาพันธ์ ปี 2021 ส่วนเลกสองจะเตะในวันที่ 9-10 และ 16-17 มีนาคม 2021
มุมแสดงทรรศนะ